เรื่อง “เสริมคาง (Chinsurgery)” ทำไมต้อง เมโกะ คลินิก ?
“ คางสวยปรับหน้าเรียว ทรงเป็นธรรมชาติ ” เมโกะ คลินิก มีชื่อเสียงในการ ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย มีมิติ มีเทคนิคเฉพาะ เพื่อให้คางไม่เบี้ยวไม่เอียงยึดแน่นทั้งบนล่าง ซ้าย ขวา และหน้าหลังอย่างลงตัวและ เป็นธรรมชาติ
Highlight เทคนิคทำคาง ที่สำคัญ
ข้อดีของการเสริมคางเทคนิค Triple Natural Lock ที่ เมโกะ คลินิก
● Lock แน่น ทั้งบน ล่างทั้ง ซ้าย ขวาทั้ง หน้า หลัง ทำให้ซิลิโคนไม่เลื่อนไม่ผิดรูป
● เหลาซิลิโคนเคสต่อเคส คางสวยเป็นธรรมชาติ
● ไร้รอยต่อ ไม่รู้ว่าทำคางมา
● ไม่มีรอยแผลเป็นไม่ต้องพักฟื้นนาน
ทีมแพทย์ เมโกะ ประสบการณ์มากกว่า 30 ปี มีความเชี่ยวชาญ ความประณีต ทาง เมโกะ จะออกแบบให้เหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละคน เพื่อให้หน้าดูธรรมชาติ และรับกับรูปหน้า
เสริมคางทำให้รูปหน้าดูยาวและเรียว ได้อย่างไร
การเสริมคางเป็นศัลยกรรมที่ช่วยปรับรูปหน้า และแก้ไขปัญหารูปคางได้อย่างเห็นผลลัพธ์ แต่ด้วยรูปทรงคางและโครงหน้าของแต่ละบุคคลจะมีความแตกต่างกัน เพื่อให้ได้รูปทรงคางที่เข้ากับรูปหน้าเดิม ทำออกมาแล้วสวยตอบโจทย์ความต้องการ ควรรู้ก่อนว่า การเสริมคางคืออะไร ใครบ้างที่เหมาะกับการเสริมคาง และรูปคางของคุณเป็นแบบไหน
การเสริมคาง คืออะไร
การเสริมคาง หมายถึง การปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูเรียวยาวมากขึ้น หรือได้รูปหน้าสวยเป็นทรง V-Shape ทำได้หลายวิธี เช่น เสริมคางด้วยการฉีดฟิลเลอร์ วิธีนี้เป็นการเสริมคางโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น อาการบวมจากรอยเข็มจะมีเพียงเล็กน้อยบริเวณใต้คาง หากไม่สังเกตก็จะมองไม่ออก และการเสริมคางด้วยการผ่าตัดเสริมซิลิโคนเข้าไปปรับรูปทรงคาง วิธีนี้หลังจากผ่าตัดเสริมคางอาจมีอาการปวดตึง บวมช้ำ โดยอาการบวมช้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งจากการดูแลตนเองของคนไข้ เทคนิคที่ใช้รวมถึงความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์
รูปหน้าสวยสมส่วน ควรมีลักษณะอย่างไร
- รูปหน้าเมื่อแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ทุกส่วนต้องมีขนาด หนึ่งส่วนสามเท่ากันจึงเกิดความสมดุล โดพิจารณาได้จากใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลาง และใบหน้าส่วนล่าง ดังนี้
- ใบหน้าส่วนบน เริ่มตั้งแต่หน้าผากหรือบริเวณไรผมไล่ลงมาถึงส่วนบนสุดของบริเวณสันจมูกส่วนหัวคิ้ว
- ใบหน้าส่วนกลาง เริ่มตั้งแต่บริเวณสันจมูกถึงฐานจมูก
- ใบหน้าส่วนล่าง เริ่มตั้งแต่บริเวณฐานจมูกถึงปลายคาง
- ความกว้างของคางต้องอยู่ระหว่างริมฝีปากและกระดูกกราม โดยมีความกว้างที่เท่ากันทั้งสองด้าน ลักษณะโค้งเป็นรูปตัว U หรือตัว V
- ความกว้างของใบหน้าควรเท่ากับ หรือเกือบเท่ากับความยาวของใบหน้า
- บริเวณแก้มอวบอิ่ม รูปหน้าผากมีความกว้าง ดูโค้งมน
- บริเวณคางมีความป้าน ไม่มีเหลี่ยม ไม่มีมุม
- กรอบหน้าโดยรวมดูกลมกลืน ละมุนเข้ากันทั้งใบหน้า
- ใบหน้าโดยรวม เรียวสวยมีความยาวของใบหน้ามากกว่าความกว้าง ช่วงหน้าผากกว้างกว่าช่วงกราม รูปคางโค้งมนสวยได้รูปคล้ายรูปไข่
รูปทรงคางทั่วไป มีแบบไหนบ้าง
- คางกลม เป็นรูปคางที่สวยสมส่วน คือคางมีลักษณะกลมมน เป็นรูปไข่ เรียวรับกับใบหน้า
- คางสองชั้น มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อห้อยบริเวณปลายคาง เป็นได้ทั้งเพศหญิงและเพศขาย เกิดจากไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คาง
- คางเหลี่ยม ลักษณะรูปหน้ามีความกว้างและความยาวพอๆ กัน รวมทั้งมีกรอบหน้าสองข้างค่อนข้างตรงลงมา ปลายคางตัด และมีสันกรามที่ค่อนข้างกว้างจึงทำให้ดูเป็นเหลี่ยม ซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่กำเนิด
- คางบุ๋ม คือคางที่มีลักษณะเป็นร่องตรงกลางระหว่างคางทั้งสองข้าง ทำให้เห็นเป็นรอยบุ๋มลงไปตรงกลาง หรือทำให้คางเกิดร่องและมีคลื่นเล็กน้อย
- คางแหลม ลักษณะคางเล็กปลายคางมีพื้นที่น้อย ไม่มีกล้ามเนื้อบริเวณปลายคาง
การผ่าตัดเสริมคาง และปัญหาที่ทำให้ต้องเสริมคาง
การผ่าตัดเสริมคาง จุดประสงค์หลักคือการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ของการเสริมคางก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ศัลยกรรม ที่อาจต้องการความสวยงามบนใบหน้า ทำให้รูปหน้ามีมิติโดดเด่นมากขึ้น หรือปรับโครงหน้าให้ถูกหลักโหงวเฮ้ง รวมทั้งช่วยแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ปัญหาคางสั้น คางยื่น คางเล็กหรือคางใหญ่เกินไป ปัญหาที่พบบ่อยและสามารถทำร่วมหรือต้องแก้ไขก่อนการเสริมคาง ได้แก่
- ปัญหาเกี่ยวกับกระดูกกราม โดยศัลยแพทย์ผู้ให้บริการจะทำการตรวจกระดูกกรามของคนไข้ก่อนที่จะให้บริการเสริมคาง หากพบว่ามีปัญหากรามเอียงหรือกระดูกกรามยื่นออกมามากผิดปกติ เพื่อผลลัพธ์การเสริมคางที่ดี แพทย์แนะนำคนไข้ให้ทำการรักษาหรือแก้ไขก่อนทำการเสริมคาง
- ปัญหาขนาดของคาง เพื่อให้ได้ขนาดคางเหมาะสมกับรูปหน้าของแต่ละบุคคล หลังเลือกคลินิกศัลยกรรมได้แล้ว คนไข้ควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหรือให้ศัลยแพทย์ประเมินก่อนว่าขนาดใดสวยงามเหมาะสมกับรูปหน้า เนื่องจากการเสริมคางต้องให้มีขนาดที่เหมาะสมและได้สัดส่วนกับรูปหน้า ไม่สามารถเลือกความยาวได้ตามความต้องการของคนไข้
- ปัญหาฟันสบ คือ ลักษณะฟันหน้าด้านบนคร่อมปิดฟันหน้าล่างมากกว่าปกติทำให้เวลายิ้มจะมองไม่ค่อยเห็นฟันหน้าล่าง และยังส่งผลกระทบทั้งรูปหน้า ในกรณีที่กระดูกกรามถดถอยไปด้านหลังมาก จึงต้องผ่าตัดเพื่อเลื่อนกรามก่อนเสริมคาง
วัสดุที่ใช้ในการเสริมคางโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดเสริมคาง เป็นการศัลยกรรมปรับโครงสร้างของใบหน้า ให้สวยได้สัดส่วนรับกับรูปหน้า สามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยทั่วไปการผ่าตัดเสริมคางทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การเสริมคางโดยใช้วัสดุจากร่างกายตนเอง และการเสริมคางด้วยซิลิโคน ทั้งสองวิธีมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
การเสริมคางโดยใช้วัสดุจากร่างกายตนเอง
การเสริมคางโดยใช้วัสดุจากร่างกายตนเอง เป็นเทคนิคที่ต้องใช้บริการจากแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูง วัสดุจากร่างกายตนเองที่นำมาใช้ คือกระดูกอ่อน แบ่งเป็น 2 เทคนิคการนำแต่ละเทคนิคไปใช้ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการปรับแต่งและลักษณะคางของคนไข้ ดังนี้
1. การเสริมคาง ด้วยวัสดุจากร่างกาย เพื่อปรับแต่งรูปทรงอย่างเดียว
การเสริมคางด้วยเทคนิคนี้ นิยมใช้กระดูกสะโพกหรือกระดูกอ่อนซี่โครง ซึ่งเป็นวัสดุภายในร่างกายของตนเอง สามารถแก้ไขปัญหาคางหุบ คางถอย คางยื่นได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ และสามารถอยู่ได้ถาวรเพราะเป็นกระดูกคนไข้เอง เหมาะสำหรับคนที่คางไม่หดสั้นมากจนเกินไป ไม่ใหญ่หรือยื่นมาด้านหน้า และคนที่ไม่ต้องการเสริมคางด้วยวัสดุสังเคราะห์
2. การเสริมคาง เพื่อปรับแต่งตำแหน่งของกระดูกปลายคาง
การผ่าตัดเสริมคาง เพื่อปรับแต่งตำแหน่งกระดูกปลายคาง เทคนิคนี้เป็นการผ่าตัดเลื่อนกระดูกคางมาทางด้านหน้า มักผ่าตัดร่วมกับการผ่าตัดกระดูกขากรรไกรล่าง เพื่อลดความกว้างของใบหน้าส่วนล่าง รวมไปถึงการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระดูกปลายคาง เป็นเทคนิคที่ศัลยแพทย์จะต้องมีประสบการณ์และความชำนาญ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคางหุบเข้าด้านในมาก หรือกระดูกบริเวณคางมีขนาดให้ ผู้ที่มีความผิดรูปของกระดูกคางค่อนข้างมาก และไม่สามารถแก้ไขโดยวิธีอื่น ๆได้
การเสริมคางด้วยซิลิโคน
การเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการผ่าตัดเพื่อแก้ไขคางให้มีมิติและมีความสมดุลมากขึ้น ด้วยการเสริมซิลิโคนเข้าไปปรับแต่งรูปทรงของคาง เทคนิคการผ่าตัดเสริมคางโดยซิลิโคนสามารถผ่าตัดได้ทั้งแผลนอกและแผลใน ที่ให้ผลลัพธ์ได้ถาวร
1. การเสริมคางด้วยซิลิโคน แบบแผลในช่องปาก
การเสริมคางด้วยซิลิโคน วิธีนี้เป็นการเปิดแผลในช่องปากบริเวณเหงือกด้านในกับริมฝีปากล่าง เพื่อทำการวางแท่งซิลิโคนเข้าไปให้พอดีกับตำแหน่งที่ต้องการ และเย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงในการผ่าตัด กรณีหากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญจะไม่สามารถวางซิลิโคนได้ถูกตำแหน่ง และมีข้อดี คือไม่มีปัญหาเรื่องแผลนูน คีลอยด์ หรือรอยแผลเป็นต่าง ๆ
2. การเสริมคางด้วยซิลิโคน แบบแผลนอก
การเสริมคางด้วยซิลิโคน แบบแผลนอก แพทย์จะทำการเปิดแผลด้านนอก ตรงบริเวณใต้คาง ความยาวของแผลจะมีขนาด เล็ก ประมาณ 1 – 1.5 ซม. จากนั้นใส่ซิลิโคนไปตามตำแหน่งที่ต้องการ แล้วทำการเย็บปิดแผล วิธีนี้เป็นการเปิดแผลบริเวณใต้คางอาจทำให้มีรอยแผล ลักษณะของแผลอาจเป็นแผลนูน แผลคีลอยด์ หรือแผลสีคล้ำ
ซิลิโคนเสริมคาง มีกี่แบบ
ซิลิโคนเสริมคาง เป็นวัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ที่ปรับแต่งรูปทรงขึ้นมาเพื่อใช้ในการเสริมคางให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับรูปหน้า และซิลิโคนเสริมคางยังเป็นวัสดุที่จัดรูปทรงได้ง่าย โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการมีรูปหน้าที่ดูยาวขึ้น และเรียวเล็กลง แบบ V Shape ส่วนผู้ชายมักต้องการเสริมคางเพื่อให้ใบหน้าดูมีความคมชัดได้สัดส่วน เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง สำหรับซิลิโคนที่ใช้เสริมคางจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ซิลิโคนคางแบบไม่มีขา และซิลิโคนคางแบบขายาว
1. ซิลิโคนคางแบบไม่มีขา (ซิลิโคนขาสั้น)
ซิลิโคนคางแบบไม่มีขา หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ซิลิโคนขาสั้น เป็นซิลิโคนที่ไม่มีขายาวยื่นออกมาทั้ง 2 ข้าง การนำมาเสริมคางแพทย์จะตัดแต่งเหลาให้มีความนูนและโค้ง เพื่อเสริมเข้าไปในตำแหน่งที่ได้กำหนดจุดไว้ ช่วยปรับให้รูปทรงส่วนปลายคางที่ไม่ชัดเจนยื่นออกมารับกับรูปหน้า
ข้อดี ของซิลิโคนคางแบบไม่มีขา (ขาสั้น)
- ช่วยเสริมปลายคางให้ดูเรียวขึ้น เพิ่มความสวยงามทำให้ใบหน้าได้รูปทรงตามต้องการ
- ซิลิโคนคางแบบไม่มีขาหรือแบบขาสั้น เนื้อซิลิโคนมีความนิ่ม ยืดหยุ่นดี มีขนาดเล็กเพราะออกแบบมาเพื่อเน้นปลายคางโดยเฉพาะ
- การเสริมคางให้ผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากซิลิโคนมีขนาดเล็ก ทำให้สามารถเข้ารูปกับกระดูกปลายคางได้ดี
ข้อด้อย ของซิลิโคนคางแบบไม่มีขา (ขาสั้น)
มีข้อจำกัดในการใช้เสริมคาง เพราะตัวซิลิโคนมีขนาดเล็ก ไม่สามารถใช้ได้กับทุกรูปหน้า
ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหากรามเยอะ โครงหน้าใหญ่ และมีแก้ม
เนื้อซิลิโคนมีความนิ่ม ยืดหยุ่นเกินไป เมื่อเสริมคางนาน ๆ อาจจะทำให้รูปทรงคลาดเคลื่อน
ซิลิโคนคางแบบขายาว
ซิลิโคนคางแบบขายาว เป็นซิลิโคนเสริมคางที่ออกแบบเพื่อให้รับกับทุกโครงหน้า รอยต่อน้อย การนำไปเสริมคางจะครอบล็อคกับกระดูกคาง ป้องกันคางเบี้ยวเอียงได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังช่วยเก็บแก้ม ทำให้หลังเสริมดูเป็นธรรมชาติ ไม่ห้อยย้อย เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าที่ค่อนข้างใหญ่ มีไขมันบริเวณแก้มมาก หรือมีกรามที่ชัด เพราะความยาวของซิลิโคนจะช่วยทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลง
ข้อดี ของซิลิโคนแบบขายาว
- ช่วยเก็บกรอบหน้าให้ดูเรียว จึงเป็นซิลิโคนคางที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
- ไม่มีข้อจำกัดในการใช้ เนื่องจากขาของซิลิโคน ออกแบบมาเพื่อให้รับกับทุกโครงหน้า
- รอยต่อน้อย เมื่อนำไปใช้จะครอบล็อคกับกระดูกคาง ป้องกันคางเบี้ยวเอียงได้ดี
- ซิลิโคนสามารถเหลา ให้เข้ากับใบหน้าได้ดีที่สุดเสริมคางแล้วดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่ห้อยย้อย
ข้อด้อย ของซิลิโคนแบบขายาว
- แพทย์ศัลยกรรมต้องมีความชำนาญและมีประสบการณ์ หากไม่มีความชำนาญที่มากพอ การเสริมคาอาจเห็นรอยต่อซิลิโคนกับแนวกราม
- ขั้นตอนการเสริมคาง อาจต้องใช้เวลาในการปรับแต่ง
ซิลิโคนเสริมคาง มีกี่เกรด
การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน โดยส่วนใหญ่การเลือกซิลิโคนแบบขาสั้นและซิลิโคนขายาว ให้เข้ากับรูปทรงใบหน้าของผู้รับบริการ ศัลยแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินและเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับใบหน้าของผู้รับบริการแต่ละบุคคล นอกจากการเลือกแบบของซิลิโคนทั้งแบบขาสั้นและขายาว ซึ่งมีข้อดีข้อด้อยและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันแล้ว คุณภาพหรือเกรดของซิลิโคนก็เป็นสิ่งที่ผู้รับบริการต้องมีความรู้ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวัสดุที่สามารถอยู่ในร่างกายของเราอย่างปลอดภัยทั้งในระยะยาวหรือตลอดชีวิต และซิลิโคนเสริมคางที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ มีดังนี้
ซิลิโคนคางอเมริกา
ซิลิโคนชนิดนี้ เป็นซิลิโคนเสริมคางที่นิยมใช้มากที่สุด และเป็นเกรดที่ได้รับการยอมรับในวงการศัลยกรรมความงาม เพราะมีมาตรฐานค่าความบริสุทธิ์ของซิลิโคนสูง สามารถบิดงอได้ เหลาให้เข้ากับรูปหน้า ช่วยให้กรอบหน้าชัด V – Shape ยิ่งขึ้น เนื้อซิลิโคนมีความยืดหยุ่นสูง ความนิ่มระดับพอดี ทำแล้วให้รูปทรงคางที่เป็นธรรมชาติ
ซิลิโคนคางเกาหลี
ซิลิโคนคางเกาหลี เป็นเกรดซิลิโคนคุณภาพเนื้อซิลิโคนมีความนิ่ม หลังเสริมจะรูปคางที่ดูเป็นธรรมชาติมาก อีกทั้งการเลือกซิลิโคนคางเกาหลียังทำให้คางดูพุ่ง ช่วยให้คางดูงอนมาด้านหน้ามากกว่าซิลิโคนเกรดอื่น สำหรับการเลือกเกรดซิลิโคนชนิดนี้ศัลยแพทย์จะพิจารณาจากโครงสร้างคางตามธรรมชาติ และเนื้อคางเดิมที่ผู้รับบริการมีอยู่
ซิลิโคนเกรดสำเร็จรูป
ซิลิโคนเกรดสำเร็จรูป เป็นซิลิโคนคางเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมคางให้ดูเรียวยาว เนื้อซิลิโคนเป็นรูปร่างสำเร็จ มีความนิ่มน้อยลักษณะแข็งอยู่ทรง และมีข้อจำกัดในการนำมาใช้มากกว่าซิลิโคนชนิดอื่น ๆ
การเสริมคางมีกี่รูปแบบ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับตัวเรา
การเสริมคางทำได้หลายวิธี จุดประสงค์หลักของศัลยกรรมคางนอกจากช่วยปรับรูปหน้าให้สวยสมส่วน เสริมสร้างบุคลิกภาพทำให้เราดูดีขึ้นแล้ว ยังสามารถแก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้า แก้ปัญหา คางสั้น คางบุ๋ม และคางตัด ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวย แต่การเสริมคางให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี การรู้จักรูปแบบหรือรูปทรงของการเสริมคาง ก็จะช่วยให้เราศัลยกรรมเสริมคางได้เหมาะกับรูปหน้าของเรา โดยทั่วไปการเสริมคางมีรูปแบบที่ได้รับความนิยม ดังนี้
1. คางรูปทรงปลายวีเชฟ
การเสริมคางรูปทรงปลายวีเชฟ V-Shape เป็นการศัลยกรรมเสริมคางให้รูปหน้ามีความเรียว และทรงสวยได้รูป ลักษณะที่โดดเด่นของรูปคางทรงปลายวีเฟช ลักษณะของใบหน้ามีความเรียว ลักษณะเป็นรูปไข่ ช่วงหน้าผากจะกว้างกว่าบริเวณกราม และเรียวลงมาเป็นรูปตัววีที่บริเวณปลายคาง ถือเป็นรูปหน้าที่ยอมรับในระดับสากลว่าสมส่วน ทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เหมาะกับคนที่กรามไม่ชัด ใบหน้าเล็ก
2. คางรูปทรงวีมน
การเสริมคางรูปทรงวีมน ลักษณะปลายคางจะเฉียงลงมา 45 องศา ทำให้ปลายคางไม่แหลมเกินไป ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูหวานละมุน ไม่แข็งกระด้าง เหมาะสำหรับคนที่มีแก้ม หรือโหนกแก้ม หลังเสริมทำให้ใบหน้าดูยาวแบบสมส่วนมากขึ้น
3. คางรูปทรงยาวเรียวมน
การเสริมคางรูปทรงยาวเรียวมน สไตล์เกาหลี ทรงนี้จะช่วยลบความแข็งของมุมเหลี่ยมปลายคาง ทำให้หน้าหวานละมุนสไตล์สาวเกาหลี เหมาะกับคนที่มีรูปหน้าแมนคล้ายผู้ชายหรือเหมาะสำหรับเพศที่สาม ที่ต้องการมีรูปหน้าที่เรียวยาว เสริมออกมาแล้วจะมีลักษณะรูปแบบเดียวกับรูปคางทรงวีเชฟ
4. คางรูปทรงเรียวเล็ก คล้ายสาวสายฝอ
คางรูปทรงเรียวเล็ก คล้ายสาวสายฝอ หมายถึง การทำศัลยกรรมเสริมคางเพื่อปรับให้ใบหน้ามีความคมชัดเหมือนชาวยุโรป เหมาะกับผู้หญิงหรือผู้ศัลยกรรมที่ชอบความอินเตอร์ เนื่องจากการเสริมคางรูปทรงนี้จะทำให้ใบหน้าดูยาว เรียวเล็ก
5. คางรูปทรงป้านเหลี่ยม แต่เรียว
การเสริมคางรูปทรงป้านเหลี่ยม แต่เรียว ทรงนี้เหมาะสำหรับเสริมคางผู้ชาย เนื่องจากเมื่อเสริมคางแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้คางมีลักษณะที่ป้านขิ้น และเรียวเท่ มีความคมเข้มให้ใบหน้าโดยรวมดูแมน
6. คางหน้าเรียว Triple Natural Lock
การเสริมคางหน้าเรียว Triple Natural Lock เป็นเทคนิคเฉพาะของ เมโกะ คลินิก ลักษณะเป็นการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย มีมิติ ไม่มีรอยแผล และไม่เห็นรอยต่อของซิลิโคน ข้อดีของการเสริมคางด้วยเทคนิคนี้ซิลิโคนจะไม่เลื่อนหรือผิดรูป เพราะจะมีการ Lock แน่น ทั้งบน ล่างทั้ง ซ้าย ขวาทั้ง หน้า หลัง พักฟื้นไม่นาน เหมาะกับทุกรูปหน้า เสริมแล้วทำให้ดูธรรมชาติรับกับใบหน้า
การเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ และการผ่าตัด เลือกแบบไหนดี
การเสริมคางทั้งแบบผ่าตัดและการฉีดฟิลเลอร์ เป็นศัลยกรรมความงามที่นอกจากช่วยปรับแต่งโครงใบหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น การเสริมคางทั้งแบบผ่าตัดและฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป โดยรวมศัลยกรรมคางมีประโยชน์ ดังนี้
- การเสริมค้าง เป็นศัลยกรรมบนใบหน้าที่เสริมสร้างบุคลิกภาพ ทำให้มั่นใจในตนเองมากขึ้น
- การศัลยกรรมเสริมคาง เป็นการปรับแต่งโครงสร้างใบหน้าโดยรวมให้สวยสมดุล
- สำหรับคนที่มีความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้ง ศัลยกรรมคางสามารถรับรูปหน้าให้สวยรับทรัพย์ตามหลักโหงวเฮ้งได้
- เสริมคางสามารถปรับรูปหน้าแบบ V–Shape ให้ยาวเรียวตามเทรนด์นิยมได้
- เสริมคางช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่คางบุ๋ม คางเบี้ยว คางสั้น คางร่น รูปคางไม่มีความนูน ทำให้รูปหน้าไม่สมดุล
- แก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเสริมคางแล้วได้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พึงพอใจ
- เสริมคางช่วยเน้นเพศสภาพที่ชัดเจน เช่น เสริมคางให้มีลักษณะเหลี่ยม ส่วนใหญ่คางรูปแบบนี้ จะเป็นผู้ชายหรือเพศที่สาม ช่วยให้มีใบหน้าที่ดูดีเหมาะสมกับความเป็นชาย
การเสริมคางด้วยฟิลเลอร์ และการผ่าตัด แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี
เสริมคางด้วยการฉีดฟิลเลอร์ | เสริมคางด้วยการผ่าตัด |
สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนหลังทำ | การผ่าตัดผลลัพธ์สามารถ อยู่ได้ถาวร |
การฉีดมีเพียงรอยเข็มเล็ก ๆ ทำให้ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น | เสริมคางได้ยาวตามความต้องการ |
หลังทำหากได้รูปคางไม่ตอบโจทย์ หรือต้องการเปลี่ยนทรง ก็สามารถฉีดสลายได้ | มีซิลิโคนให้เลือกหลายรูปทรง |
เมื่อฟิลเลอร์สลายหมดแล้ว ฉีดฟิลเลอร์เพิ่มได้โดยไม่ทำให้คางผิดรูปทรง | เกิดรอยแผลจากการผ่าตัด |
แต่มีข้อจำกัด คือเสริมคางยาวได้ไม่เกิน 1 ซม. | ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน และคางจะเข้าที่ในช่วง 1-3 เดือน |
การฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร | หากต้องแก้ไข ต้องใช้วิธีผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคน |
ฟิลเลอร์สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ | การดูแลรักษาต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ |
มาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมคาง
ปัจจุบันนี้สาว ๆ หลายคนหันมาให้ความสนใจในเรื่องของ ” การทำศัลยกรรมคาง ” มากขึ้น เพราะเป็นวิธีที่ช่วยปรับปรุง และแก้ไขรูปหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน ให้มีความสวยงามได้ดั่งต้องการ ทำให้ใบหน้าดูยาวเรียว และได้รูปมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางเหลี่ยม คางบุ๋ม หรือคางเบี้ยว ซึ่งเทคโนโลยีการทำคางในทุกวันนี้ ก้าวหน้าไปมาก ไม่ต้องดมยาสลบ ก็สามารถทำคางให้กลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งสาว ๆ คนไหนที่อยากทำ ก็ควรหาข้อมูลและรายละเอียดของการทำให้ดี ๆ ก่อนนะคะ นอกจากจะต้องเลือกโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือแล้ว ก็ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะได้เพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการเสริมคาง
การเสริมคางเหมาะกับผู้ที่มีปัญหา คางสั้น คางถอย คางตัด คางไม่ได้รูป หน้ากลม หรือ ผู้ที่เคยเสริมคางมาแล้วอยากแก้ ซึ่งปัญหาก่อนแก้คางมีได้หลายปัญหา บางคนคางเบี้ยว และยื่นออกมายาวเกินไป เกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากความชำนาญของแพทย์ เช่น การจัดวางซิลิโคนไม่ถูกตำแหน่งจนคางดูผิดรูปร่างไม่ได้สัดส่วน และจากคนไข้ อาจชอบเท้าคาง ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนจากตำแหน่งเดิมได้ หรือคนไข้ฉีดคางด้วยสารแปลกปลอกสลายออกไม่หมดทำให้คางเบี้ยวผิดรูปได้ปัญหานี้แก้ไขได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหาและพูดคุยถึงความต้องการลูกค้าก่อนและออกแบบรูปคางให้ตรงกับความต้องการลูกค้า ซึ่งแต่ละเคสการแก้ไขไม่เหมือนกันความยากง่ายต่างกัน
การเสริมคางด้วย เทคนิค Triple Natural Lock คืออะไร
เทคนิค Triple Natural Lock คือเทคนิคการผ่าตัดเสริมคางซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะของ เมโกะ คลินิกที่พัฒนาและคิดค้นโดย นพ. มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ แพทย์เวชปฏิบัติเพื่อการเสริมความงาม ผู้ก่อตั้ง เมโกะ คลินิก ความพิเศษของการผ่าตัดเสริมคางด้วยเทคนิคนี้ได้แก่
- การผ่าตัดมีความแม่นยำ ได้รูปทรงคางที่เรียวสวย
- ขั้นตอนการผ่าตัดไม่ทำให้เนื้อเยื่อฉีกขาดโดยไม่จำเป็น
- สามารถใส่ซิลิโคนในชั้นที่ถูกต้องได้อย่างแม่นยำ
- เป็นเทคนิคที่ป้องกันการเกิดการอักเสบ ไม่บวม ไม่ช้ำ
- ล็อคคางแน่นทุกมุมแบบ 3 มิติ ป้องกันปัญหาซิลิโคนลอย และการเบี้ยวเอียง ทำให้ซิลิโคนไม่เลื่อนไม่ผิดรูป
- ไร้รอยต่อ เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยม เพราะไม่รู้ว่าทำคางมา
- การผ่าตัดไม่มีรอยแผลเป็น หลังทำไม่ต้องพักฟื้นนาน
- ออกแบบทรงเฉพาะในแต่ละบุคคล โดยการเหลาซิลิโคนเคสต่อเคส ทำให้ได้รูปคางสวยเป็นธรรมชาติ
เมโกะ ใช้เทคนิค Triple Natural Lock ไม่มีรอยแผล ไม่เห็นรอยต่อของซิลิโคน
การศัลยกรรมวิธีนี้ เป็นการผ่าตัดเปิดแผล ด้านในช่องปาก ตรงบริเวณเหงือกด้านในกับริมฝีปากล่าง ให้มีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร (หรือแล้วแต่ขนาดซิลิโคน) จากนั้นศัลยแพทย์ จะผ่าแยกเยื่อหุ้มบริเวณขอบล่างของคางออก แล้วจึงวางแท่งซิลิโคนเข้าไป ให้พอดีกับตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้นก็เย็บปิดแผลด้วยไหมละลาย ซึ่งวิธีการทำแบบแผลในปากเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง เพราะไม่ทำให้เห็นแผลเป็นภายนอก ที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัด เหมาะกับคนที่มีแผลเป็นนูนง่าย (คีลอยด์) แต่หลังการผ่าตัด ต้องดูแลแผลในปากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อจากน้ำลาย หรือเศษอาหาร รวมถึงควรระมัดระวังไม่ให้คางกระแทก จนซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่งได้ค่ะ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมคาง
- เลือกคลินิกที่มีศัลยแพทย์หรือแพทย์วิชาชีพเป็นผู้ให้บริการ และเป็นคลินิกเสริมความงามที่ได้รับอนุญาต จดทะเบียนถูกต้อง
- แจ้งประวัติโรคประจำตัวหรือประวัติการแพ้ยา ให้แพทย์ทราบ
- แจ้งข้อมูลทางด้านสุขภาพ กรณีมีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือด และอื่น ๆ
- งดรับประทานยาประเภท แอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด
- ควรหลีกเลี่ยงหรืองดรับประทานวิตามิน อาหารเสริม หรือ ยาสมุนไพร ก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลทำให้เลือดออกมากกว่าปกติ และอาจทำให้แผลผ่าตัดมีอาการบวมมากขึ้น
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสิ่งมึนเมา อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ดูแลสุขภาพ ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
- วันผ่าตัดเสริมคาง ต้องไม่มีอาการไข้ หรือมีการติดเชื้ออักเสบทางผิวหนัง
- การผ่าตัดเสริมคาง ไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรรับประทานอาหารให้พออิ่มก่อนผ่าตัด
- วันแพทย์นัดผ่าตัด ไม่ควรนำของมีค่าติดตัวเข้าห้องผ่าตัด และหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่มีโลหะนำไฟฟ้า
- ควรสวมเสื้อผ้าที่มีกระดุมหน้า เพื่อความสะดวกต่อการสวมใส่หลังผ่าตัด
- ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ควรล้างหน้า แปรงฟัน และบ้วนปากให้เรียบร้อย
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมคาง
การเสริมคางของแต่ละคลินิก อาจมีขั้นตอนการให้บริการที่แตกต่างกันบ้าง ขึ้นอยู่กับเทคนิควิธีที่ศัลยแพทย์นำมาใช้ โดยทั่วไปเมื่อคนไข้เลือกคลินิกศัลยกรรมคางได้แล้ว แพทย์มักนัดพบคนไข้เพื่อให้คำแนะนำปรึกษา และประเมินรูปหน้าและปัญหาโครงหน้าก่อนการผ่าตัด สำหรับขั้นตอนต่าง ๆ มี ดังนี้
- วันนัดผ่าตัด เมื่อมาถึงคลินิกแล้วอาจต้องดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารและค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย จากนั้นเจ้าหน้าบางคลินิกอาจถ่ายภาพเพื่อใช้ทางการแพทย์
- ขั้นตอนการเตรียมตัวผ่าตัด กรณีเปิดแผลในปาก เจ้าหน้าที่จะให้คนไข้ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมถึงแปรงฟันบ้วนปากให้เรียบร้อย
- ศัลยแพทย์จะทำการวัดสัดส่วนขนาดของคางเดิม เพื่อออกแบบคางใหม่ให้รับกับใบหน้า
- แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ ฉีดยาชาในส่วนของคางทั้งหมด
- จากนั้น ศัลยแพท์จะเปิดแผลภายในปากบริเวณซอกเหงือกกับริมฝีปากล่างยาวประมาณ 2 เซนติเมตร เลาะเข้าไปใต้กล้ามเนื้อ โดยเลาะติดกระดูกคางตามแนวขอบเขตที่กำหนดไว้ แล้วจึงวางแท่งซิลิโคนลงในตำแหน่งที่ต้องการ โดยซิลิโคนจะวางอยู่บนกระดูกคางเดิม
- แพทย์จะทำการเย็บชั้นกล้ามเนื้อรวมถึงเย็บปิดบาดแผล กรณีแผลในปากจะเย็บแผลด้วยไหมละลาย ซึ่งสามารถสลายไปเองได้ภายใน 10 วัน
- ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง และหลังผ่าตัดแพทย์จะทำการปิดพลาสเตอร์รอบคางเพื่อล็อคซิลิโคนให้อยู่กับที่
- หลังทำ เจ้าหน้าที่จะให้คนไข้พักฟื้นและประคบเย็นบริเวณคางที่ห้องพักฟื้น ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จากนั้นสามารถกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องนอนค้างในโรงพยาบาล
- แพทย์จะนัดคนไข้มาเพื่อติดตามผลการรักษา 7 วัน 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน แล้วแต่กรณีหรือตามดุลพินิจของแพทย์
วิธีดูแลตัวเองหลังทำ
1. หลังผ่าตัดจะมีอาการบวม จึงควรประคบเย็นอย่างน้อย 48 ชั่วโมง โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงประมาณ 2 สัปดาห์
2. หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด น้ำเกลือ หรือนำยาบ้วนปาก ทุก 2-3 ชั่วโมง และทุกครั้งหลังอาหาร เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดในช่องปาก
3. ควรรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่าย เช่น อาหารอ่อนหรืออาหารเหลว และหลีกเลี่ยงการขยับปากในช่วงแรก
4. หลังการผ่าตัดในภายในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรงดกิจกรรมที่ทำให้บาดแผลกระทบกระเทือน เช่น การวิ่ง กระโดด และห้ามเท้าคางเด็ดขาด
5. ช่วงแรก ๆ ให้นอนหงาย และหนุนหมอนสูง ๆ เพื่อลดอาการบวม และเลือดคั่ง
6. งดทานอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง และอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยว รวมถึงงดของสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้
7. ดื่มน้ำมาก ๆ โดยควรใช้หลอดดูด เพื่อลดการขยับคาง
8. งดการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีดขึ้นใบหน้ามาก จะทำให้หน้าบวมได้
9. หากมีอาการผิดปกติจากการศัลยกรรม หรือสงสัยว่าตัวเองมีอาการผิดปกติ ควรมาไปพบแพทย์ทันที
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีการดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมคาง
ข้อควรระวังของการเสริมคาง แผลในช่องปาก
1. ต้องระวังเรื่องอาหารร้อนจัดเกินไป เนื่องจากไหมในช่องปากเป็นไหมละลาย
2. ต้องใส่ใจเรื่องการทำความสะอาด และต้องหมั่นบ้วนปากบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เศษอาหารติดปากแผล
ทำคางพักฟื้น กี่วัน ?
เสริมคางหรือทำคาง เป็นการทำศัลยกรรมปรับโครงสร้างใบหน้าให้กับผู้ที่ปัญหาหน้ากลม คางสั้น คางทู่ คางบุ๋ม รูปหน้าไม่สวยสมส่วน เพื่อความสวยความงาม และเสริมสร้างความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง และการเสริมคางยังช่วยปรับโหงวเฮ้งให้มีลักษณะที่ดีตามความเชื่อของคนที่เชื่อในศาสตร์แขนงนี้อีกด้วย ส่วนการทำคางต้องใช้เวลาพักฟื้น กี่วัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบและเทคนิควิธีที่ใช้ ดังนี้
- การทำคางโดยการฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้น และนอกจากเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด ยังสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยรูปคางจะผลลัพธ์ชัดเจน ใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์
- การเสริมคางด้วยวิธีผ่าตัด แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำร่วมกับการฉีดยาชา แต่ก็ทำให้เกิดรอยแผล อาจมีอาการบวม ช้ำ ประมาณ 3-7 วัน หลังผ่าตัดจึงต้องมีการพักฟื้น นานประมาณ 7-10 วัน ผลลัพธ์หลังผ่าตัด รูปทรงคางจะเข้าที่ใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน สำหรับระยะเวลาพักฟื้นอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ การดูแลตนเองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดที่ศัลยแพทย์เลือกใช้ เช่น การผ่าตัดเสริมคางแผลนอก หรือการผ่าตัดเสริมคางแผลใน
เสริมคาง เจ็บไหม ?
เสริมคาง เป็นการทำศัลยกรรมปรับรูปหน้าที่นิยมทำทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะนอกจากปรับรูปหน้าให้ดูเรียวยาว สวยสมส่วน ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพให้มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น การผ่าตัดเสริมคางทำได้หลายเทคนิควิธี แต่เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเพื่อใส่วัสดุที่มีความปลอดภัย เช่น กระดูกตนเอง หรือ ซิลิโคน เข้าไปเพิ่มขนาดบริเวณคาง “เสริมคาง เจ็บไหม” จึงเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมคาง
คำตอบ : ศัลยกรรมคางเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กก็ต้องทำร่วมกับการฉีดยาชา โดยใช้เทคนิคการฉีดยาชาเฉพาะที่ ขณะฉีดยาชาผู้รับบริการจะมีอาการเจ็บ แต่เป็นความรู้สึกเจ็บที่ทนได้ หลังจากยาชาออกฤทธิ์ หรือระหว่างศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดเสริมคางจะไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ หลังผ่าตัดเมื่อยาชาหมดฤทธิ์ ผู้รับบริการอาจมีอาการตึงหรือรู้เจ็บบริเวณ แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาแก้ปวด และประคบเย็น เพื่อลดปวดและลดบวม
ตัวอย่างเคสเสริมคางเทคนิค Triple Natural Lock เมโกะคลินิก
กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียน
ปรึกษาและนัดหมาย
ผลงาน คาง (Chinsurgery) ของเมโกะ
ทำสวยทั้งทีต้องจัดเต็ม! จมูก ตา คาง หน้าเปลี่ยนเหมือนเกิดใหม่
- คาง
- ศัลยกรรม
- จมูก
- เสริมจมูก
- เทคนิค Open
- ตา
- กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- ตาสองชั้น
รู้ความจริงแทบช็อค! เสริมจมูก เสริมคาง ราคาถูก เบี้ยวเอียง ผิดรูป!
- คาง
- ศัลยกรรม
- แก้คาง
- ตกแต่งปลายจมูก
- แก้จมูก
- เทคนิค Open
ขั้นตอนการรับบริการของเมโกะ
Payment
สามารถชำระค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี ได้แก่
1. การโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารและส่งหลักฐานการโอนเงินให้เจ้าหน้าที่
2. การชำระเงินด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิต (ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน)
Preparing for คาง (Chinsurgery)
1. งดการผ่าตัดในช่วงที่เป็นหวัด ไอ เป็นไข้ หรือป่วย
2. หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน
3. สวมเสื้อเชิ้ตหลวมๆ มีกระดุมด้านหน้าที่สะดวกต่อการเปลี่ยนเสื้อผ้าและใส่รองเท้าส้นเตี้ยมาในวันผ่าตัด
4. งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
5. งดใส่คอนแทคเลนส์ ฟันปลอม (ถ้าถอดได้) หรือหากมีฟันโยก ฟันครอบ ควรแจ้งแพทย์วิสัญญีหรือพยาบาลรับทราบ และไม่นำของมีค่าติดตัวมา
6. แนะนำให้มีญาติมากับผู้ป่วยในวันผ่าตัด และควรมีญาติดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดอย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด งดขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานกับเครื่องจักรใดๆภายใน 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
7. งดรับประทานอาหารเสริมวิตามินทุกชนิดและยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งของเลือด เช่น แอสไพริน ก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
8. กรณีมีโรคประจำตัวและยาที่รับประทานเป็นประจำที่ ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาโรคก่อนรับการผ่าตัด
ทำศัลยกรรม
1. ต้องมาถึงคลินิกก่อนเวลาผ่าตัดจริง 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมเอกสารและเตรียมตัวในการผ่าตัด
2. แจ้งประวัติแพ้ยา โรคประจำตัวและยาที่รับประทานประจำให้แพทย์เจ้าของไข้รับทราบ
3. รับยาและอุปกรณ์ล้างแผล
4. เปลี่ยนชุดและล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่ เมโกะ เตรียมไว้ให้
5. เข้าห้องผ่าตัด การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วแต่เคส
6. นอนพักหลังผ่าตัด 1-2 ชั่วโมง พร้อมประคบเย็น เพื่อห้ามเลือดและลดอาการบวม
7. พยาบาลและทีมแพทย์จะประเมินอาการหลังผ่าตัด หากปกติดี ก็สามารถกลับบ้านได้
After the คาง (Chinsurgery)
1. 3 วันแรก งดการแปรงฟัน โดยใช้วิธีบ้วนปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด
2. หลังการผ่าตัดควรทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนรสจืดและหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรืออาหารที่ร้อนหรือเย็นเกินไป
3. 3 วันแรก ประคบเย็นบริเวณรอบคาง
4. 1 เดือนแรก งดอาหารหมักดอง กะปิ ปลาร้า วิตามิน อาหารเสริม แอลกอฮอล์และบุหรี่ เพื่อป้องกันแผลคัน แผลนูนและแผลอักเสบ
5. ปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
6. หากมีอาการผิดปกติ เช่น แผลอักเสบบวมแดง มีไข้ ให้รีบติดต่อทางคลินิกทันที
7. วันที่ 1-14 นัดตัดไหม+นัดตรวจ (ขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา)
8. วันที่ 14, 30 นัดตรวจเช็คอาการ