เชื่อว่าการมีใบหน้าที่สวยใสแลดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของทุกคน แต่ริ้วรอยความหย่อนคล้อยตามวัย เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อมีอายุมากขึ้น การผ่าตัดดึงหน้าหรือทำศัลยกรรมดึงหน้า จึงเป็นตัวช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าและขจัดริ้วรอยให้หมดไป ส่วนใครที่มีคำถาม การทำศัลยกรรมดึงหน้า คืออะไร ทำแล้วมีประโยชน์อย่างไร เรามาหาคำตอบจากบทความนี้ได้เลยค่ะ
การทำศัลยกรรมดึงหน้า (Radiant Face Lift) คืออะไร
ศัลยกรรมดึงหน้า หรือ Radiant Face Lift คือการผ่าตัดยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ด้วยการตัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยออก แล้วเก็บยกผิวหนังเพื่อช่วยลดริ้วรอยความหย่อนคล้อยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้ากระชับและเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ การทำศัลยกรรมดึงหน้าเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะการดึงหน้าให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวไวและอยู่ได้นาน
ศัลยกรรมดึงหน้า ดึงส่วนไหน แก้ปัญหาอะไร?
การดึงหน้า เป็นการทำศัลยกรรมเพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อและตัดผิวหนังส่วนเกิน ช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ การดึงหน้าอาจดึงหน้าเฉพาะจุด หรือศัลยกรรมดึงหน้าทั้งหมด โดยแยกเป็นบริเวณใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ดังนี้
ศัลยกรรมดึงหน้าส่วนบน ได้แก่ ส่วนหน้าผากจนถึงคิ้ว
การผ่าตัดดึงหน้าส่วนบน เป็นการดึงตั้งแต่ส่วนหน้าผากจนถึงคิ้ว เพื่อแก้ไขปัญหารอยย่นบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว ช่วยให้หน้าผากดูเรียบตึง ลดรอยขมวดคิ้ว แก้ไขปัญหาบริเวณขมับ หรือผ่าตัดยกคิ้วที่ตกให้โก่ง อยู่ในตำแหน่งปกติ และได้ทรงสวยขึ้น
ศัลยกรรมดึงใบหน้าส่วนกลาง
ใบหน้าส่วนกลาง ได้แก่บริเวณใต้เปลือกตาล่างจนมาถึงสุดปลายจมูก จนถึงเหนือริมฝีปาก เป็นส่วนที่บ่งบอกช่วงอายุและวัยที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน จากการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ห้อยย้อย เปลือกตาล่างเกิดเป็นถุงใต้ตา หรือมีเส้นลึกที่ร่องแก้ม และมุมปาก การผ่าตัดดึงใบหน้าส่วนกลาง เป็นการแก้ไขปัญหาร่องแก้มที่ลึก และโหนกแก้ม ให้สมส่วน
ศัลยกรรมดึงใบหน้าส่วนล่าง
ใบหน้าส่วนล่าง ได้แก่ บริเวณปลายจมูกจนถึงปลายคาง การผ่าตัดดึงหน้าส่วนนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาร่องน้ำหมาก ยกกระซับส่วนที่หย่อนคล้อยให้กลับเต่งตึง ทำให้ใบหน้าส่วนล่างเรียวเป็น V-shape สำหรับการดึงหน้าส่วนล่าง แพทย์จะทำร่วมกับการผ่าตัดดึงหน้าส่วนกลาง เพื่อให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น
ศัลยกรรมดึงหน้าทำส่วนไหนได้บ้าง
เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ปัญหาหนักใจของผู้หญิงส่วนใหญ่ก็คือการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ใบหน้าดูแก่ ดูทรุดโทรมไปตามวัย เช่น ปัญหาคิ้วตก หนังตาด้านข้างหนาขึ้น แก้มห้อยย้อย มุมปากตก ร่องแก้มลึก และปัญหาความหย่อนคล้อยต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอย โดยทั่วไปความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นตามวัยจะเริ่มจากบนลงล่าง คือเริ่มจากใบหน้าส่วนบนตั้งแต่หน้าผาก ใบหน้า หางตา แก้ม มาถึงร่องแก้ม ซึ่งเป็นใบหน้าหน้าส่วนล่าง ลงมาใต้คาง และคอ ความหย่อนคล้อยเหล่านี้ยิ่งอายุมากก็จะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น การผ่าตัด ดึงหน้า สามารถทำได้หลายส่วนบนใบหน้า แยกเป็นบริเวณใบหน้าส่วนบน ใบหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง หรือ เลือกทำได้เฉพาะส่วน เช่น
- การดึงหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหา หัวคิ้วย่น และรอยย่นบนหน้าผาก
- การยกคิ้ว เป็นการแก้ปัญหาคิ้วตกด้วยยกกระชับผิวบริเวณคิ้วให้ปลายคิ้วยกสูงขึ้นในระดับที่พอเหมาะ
- ดึงหน้าส่วนกลาง เป็นการแก้ไขปัญหาร่องแก้มที่ลึกให้จางลง
- การยกโหนกแก้ม เป็นการยกกระชับกล้ามเนื้อแก้มที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง
- การดึงหน้าส่วนล่าง เพื่อแก้ไขร่องน้ำหมาก ทำให้ใบหน้าส่วนล่างตึงและถูกยกขึ้น
- การแก้ไขเหนียงใต้คาง ทำให้ลำคอตึงขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ลดเหนียงบริเวณคอ เพื่อให้เข้ากับส่วนของใบหน้าที่อ่อนวัยลง
[news_to_services_reviews]
[meko_contact]
ใครบ้างเหมาะกับการทำศัลยกรรมดึงหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นตามวัย ต้องการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เพื่อเสริมบุคลิกภาพให้กับตนเอง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนยาน ไม่กระชับบริเวณใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
- ผู้ที่มีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผากชัดเจน
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแก้มหย่อนหรือห้อย จากการลดน้ำหนักมาก
- ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หรือมีเหนียงมาก ต้องการปรับรูปหน้าให้ใบหน้าเรียวเป็น V-shape
- ผู้ที่ผิวลำคอมีเนื้อเยอะและหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากกรรมพันธุ์ เช่น มีร่องแก้มลึก จนถึงผิวหย่อนคล้อยบริเวณคอ
- ผู้มีปัญหาระยะห่างระหว่างคิ้วและตา ไม่สมส่วน การผ่าตัดดึงหน้าทำให้คิ้วและตา ห่างออกจากกันอย่างสมดุล ทำให้ดวงตาสดใสมากยิ่งขึ้น
ศัลยกรรมดึงหน้ามีข้อดี-ข้อด้อยอย่างไร
- ข้อดีของการดึงหน้า สามารถแก้ไขความหย่อนคล้อยของผิวได้อย่างครอบคลุมทุกส่วนบนใบหน้า
- ผ่าตัดดึงหน้า เป็นการแก้ปัญหาผิวที่อยู่ได้นาน ต่างจากการรักษาความหย่อนคล้อยด้วยวิธีอื่นๆ
- สามารถเลือกตำแหน่งในการดึงหน้า ได้ทั้งเฉพาะจุดหรือหลากหลายจุดไปพร้อมๆกับการแก้ไขปัญหาอื่นๆบนใบหน้า
- ข้อด้อยของการศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดที่ต้องมีการเปิดเนื้อผิวทำให้มีรอยแผลเป็น ทำให้ต้องเลือกคลินิกและศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญ มีเทคนิคเฉพาะในการผ่าตัดให้แผลจากการดึงหน้าซ่อนอยู่บริเวณที่อำพรางต่อการมองเห็นจากคนภายนอก
- ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ตลอดไป การดึงหน้าสามารถทำให้ปัญหาผิวหย่อนยานบรรเทาลงได้เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เช่น 5-10 ปี
- ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังศัลยกรรม อาจไม่สะดวกสำหรับคนที่ต้องทำงานประจำหรือไม่มีเวลา
ข้อห้ามในการศัลยกรรมดึงหน้า
- ผู้ที่มีอาการป่วย เกี่ยวกับโรคเกี่ยวกับผิวหนัง มีอาการผิวหนังอักเสบ และภาวะผิวหนังติดเชื้อ
- ผู้ที่มีปัญหาแพ้ยาสลบหรือยาชา เพราะศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดที่ต้องเปิดแผล จึงต้องมีการใช้ยาชาหรือยาสลบ ซึ่งแต่ละกรณีขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศัลยแพทย์
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด มีปัญหาเลือดหยุดยาก โรคเบาหวาน กรณีต้องการผ่าตัดดึงหน้า ควรพบศัลยแพทย์เพื่อขอคำแนะนำปรึกษา หรือให้ข้อมูลแกแพทย์ก่อน
ความเสี่ยงและผลข้างเคียงจากการผ่าตัดดึงหน้า
ศัลยกรรมดึงหน้า เป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่งที่นอกจากทำให้เกิดรอยแผลแล้ว อาจมีภาวะแทรกซ้อนหรือความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนเพราะก่อนผ่าตัดแพทย์จะซักประวัติและประเมินความเสี่ยง ก่อนให้คำแนะนำแก่ผู้ศัลยกรรมเพื่อตัดสินใจร่วมกัน ความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ มี ดังนี้
- การผ่าตัดดึงหน้า ให้ผลลัพธ์ไม่ตรงกับที่ต้องการ ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ หลักๆได้แก่คลินิกที่รับบริการไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้รับการผ่าตัดดึงหน้าโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
- เกิดรอยแผลเป็น ที่เรียกว่าแผลคีลอยด์ซึ่งมีลักษณะเป็นแผลนูน และมีการขยายใหญ่ออกนอกขอบบาดแผลเดิม แม้จะไม่มีอันตรายแต่ก็มีผลต่อความสวยงามบนใบหน้า ทำให้ขาดความมั่นใจในตนเอง
- ภาวะเลือดออก เลือดคั่ง ผิวหนังขาดเลือดมาเลี้ยง และภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล มักเป็นภาวะเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
- อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยๆหลังการผ่าตัดดึงหน้า ได้แก่ แผลมีรอยจ้ำช้ำ อาการปวดหรือเจ็บระบมแผล ผิวบวม อาการเหล่านี้เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ
- ความรู้สึกของผิวหนังบริเวณใบหน้าอาจลดลงและจะดีขึ้นในเวลา 3-6 เดือน
- แผลผ่าตัดมักจะแดงและนูนเล็กน้อยในช่วง 1-3 เดือนแรก และจางลงในเวลา 6-12 เดือน
- มีอาการไข้สูงหรือรู้สึกหนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน หากอาการรุนแรงมากขึ้น ควรพบแพทย์ทันที
- รอยแผลมีเลือดออก หรือมีน้ำหนองไหลออกมา ควรรีบไปพบแพทย์ผู้ให้บริการโดยด่วน
วิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการดึงหน้า
การดึงหน้าเป็นศัลยกรรมความงามหรือศัลยกรรมใบหน้าที่สามารถลดอายุให้กับผู้ศัลยกรรมได้มากที่สุด ส่วนผลลัพธ์ที่ได้จะมีความปลอดภัย แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าได้ตอบโจทย์ความต้องการ และอยู่คงทนถาวรได้ยาวนานเพียงใด ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวของผู้ศัลยกรรมดังนี้
- ศึกษาข้อมูลคลินิกที่ให้บริการ เลือกคลินิกที่จดทะเบียนถูกต้องมีเอกสารแสดงให้เห็นได้ชัดเจนและ มีแพทย์วิชาชีพเป็นผู้ให้บริการ
- พบศัลยแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา รับทราบข้อดี-ข้อจำกัด และการเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดอย่างถูกวิธี
- แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา แพ้สารเคมี ยาประจำตัวที่กำลังใช้อยู่ทั้งหมดให้แพทย์ทราบ
- เตรียมความพร้อม ก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
- ช่วงระยะ 6 เดือนก่อนผ่าตัดดึงหน้า งดรับประทานยารักษาสิว ที่มีส่วนผสมของวิตามิน Aเพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล
- ควรงดการทำ Botox หรือ Filler บริเวณใบหน้า ช่วงระยะ 6 เดือนก่อนศัลยกรรมดึงหน้า
- ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนศัลยกรรมดึงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย
- หลีกเลี่ยง หรืองดการทำ Laser ร้อยไหมบริเวณใบหน้า ในช่วง 3 เดือนก่อนดึงหน้า
- หากมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือด ควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและควรรักษาควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติ ตลอดระยะ 3 เดือนก่อนศัลยกรรม
- งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 4 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่ใกล้ หรือ กำลังมีประจำเดือน
- ควรงดการเจาะหรือสักร่างกาย ในช่วง 4 สัปดาห์ ก่อนศัลยกรรมดึงหน้า
- ช่วง 10 วัน ก่อนศัลยกรรมดึงหน้า ควรงดรับประทานยาที่มีผลกับการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาแก้ปวดบางประเภท ยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด
- งด รับประทานวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 4สัปดาห์ก่อนผ่าตัดดึงหน้า
- กรณีทำงานประจำ ควรลางานหรือลาหยุดล่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อพักฟื้นแผลหลังผ่าตัด
- วันนัดผ่าตัด งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดเป็นระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง
- อาบน้ำทำความสะอาดผิวให้เรียบร้อยก่อนเดินทางมาผ่าตัด
- ถอดเครื่องประดับ อุปกรณ์ที่เป็นโลหะทุกชนิดออกจากร่างกาย
- เตรียมเสื้อผ้าหลวมๆ และง่ายต่อการสวมใส่ ในวันผ่าตัด
- มีเพื่อน หรือญาติมาดูแลหรือมาเป็นเพื่อน เพราะการผ่าตัดจำเป็นต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ
ขั้นตอนการศัลยกรรมดึงหน้า
- การผ่าตัดดึงหน้าจะใช้เวลาโดยประมาณ 2-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับแพทย์หรือขึ้นอยู่กับบริเวณที่ศัลยกรรมว่ามีความยากหรือง่าย
- การให้ยาชาหรือยาสลบ ขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ว่าจะเลือกให้ยาชาหรือยาสลบ
- การผ่าตัดแพทย์จะเปิดแผลที่หนังศีรษะ ไรผม ขมับ หรือหลังใบหู ขึ้นอยู่กับเทคนิคและวิธีการที่เลือกใช้
- แพทย์เลาะผิวหนังแต่ละชั้น จากนั้นดึงเนื้อเยื่อชั้นใต้ผิวส่วนบนให้ตึง หรือพิจารณาตัดผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยบางส่วนออก
- เย็บปิดผิวหนังด้วยไหมเส้นเล็ก
วิธีดูแลหลังเข้ารับการดึงหน้า
- ใส่ผ้ารัดหน้าตั้งแต่วันแรกหลังผ่าตัด โดยช่วง 7 วันแรกให้ใส่ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นควรใส่อย่างน้อย 10 – 12 ชั่วโมงต่อวัน และใส่ต่อเนื่องจนครบ 6 เดือน อาจใส่เฉพาะเวลานอน เพื่อให้การผ่าตัดดึงหน้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ประคบเย็นบริเวณแผลเพื่อลดอาการบวมและเจ็บระบมประมาณ 3 วัน
- หลังผ่าตัดดึงหน้า 7 วันแรก ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เลี่ยงอาหารที่แข็งหรือเหนียวและต้องบดเคี้ยวมากๆ เพื่อลดการเคลื่อนที่ของโครงหน้า
- ช่วง ประมาณ 3-7 วันหลังผ่าตัด ควรนอนหมอนสูง เพื่อลดอาการบวม
- ล้างแผลให้สะอาดทุกวันจนกว่าจะตัดไหม ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำเกลือแล้วเช็ดแผลเบาๆ
- งดออกกำลังกายและทำกิจกรรมที่ต้องออกแรง 2 สัปดาห์
- ป้องกันไม่ให้แผลโดนน้ำอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถสระผมได้ แต่ควรระมัดระวังไม่ใช้นิ้วเกาหรือฟอกผิวบริเวณแผลและรอบๆแผล
- หลังจากสัปดาห์ที่ 2 ให้เริ่มทายาในกลุ่ม Silicone gel เพื่อช่วยให้รอยแผลเนียนมากยิ่งขึ้น
- งดย้อมสีผมหรือทำเคมีกับผมนาน 1 เดือนหลังผ่าตัด ป้องกันการกระทบกระเทือนรอยแผล
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ
- ตัดไหมและตรวจเช็กแผลกับแพทย์ตามนัด
- ควรงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่แบบระยะยาว เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
- ออกกำลังกายได้ตามปกติหลังจากผ่าตัดแล้ว 1 เดือน
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
การทำศัลยกรรมดึงหน้าทำไมต้องที่เมโกะคลินิก
การทำศัลยกรรมดึงหน้าเป็นการผ่าตัดยกกระชับเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ใบหน้าจะหย่อนคล้อยมากขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นความหย่อนคล้อยที่เกิดจากความเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อตามธรรมชาติ จึงดูแลป้องกันได้ยาก การผ่าตัดดึงหน้า เป็นทางเลือกหรือตัวช่วยที่ดีในการแก้ปัญหา และการทำศัลยกรรมดึงหน้า ทำไมต้องที่เมโกะ คลินิก ต่อไปนี้คือคำตอบ
- การทำศัลยกรรมดึงหน้ากับเมโกะ คลินิก ได้ผลลัพธ์ตอบโจทย์ตามที่ต้องการ เชื่อมั่นได้จากการรีวิวของลูกค้าที่มีทั้ง ดารา นักร้อง เน็ตไอดอล และบุคคลที่มีชื่อเสียง
- มีความปลอดภัย เพราะเป็นคลินิกศัลยกรรมที่จดทะเบียนถูกต้องตามมาตรฐานสถานพยาบาลและมีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผ่านการทำความสะอาดปลอดเชื้อและได้รับการดูแลอย่างดี
- ประสบการณ์ด้านศัลยกรรมความงาม โดยนายแพทย์มนัส ฉายาวิจิตรศิลป์ ผู้ก่อตั้งคลินิก เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมและเปิดให้บริการตามมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 36 ปี
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทาง เมโกะ คลินิก มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมดึงหน้าและมีเทคนิคเฉพาะที่ช่วยให้การศัลยกรรมดึงหน้าได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น
- เทคนิค ศัลยกรรมดึงหน้าผากเปิดแผลตามแนวไรผม เป็นการผ่าตัดดึง ยก รอยย่นบริเวณหน้าผากขึ้นไป และทำการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินของผิวหน้าผากออก จึงทำการเย็บปิดแผลตามแนวไรผม (Hair Line) เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่หน้าผากกว้าง และมีความต้องการให้หน้าผากแคบลง
- เทคนิค ศัลยกรรมดึงหน้าผาก คือการผ่าตัดผ่านกล้อง Endoscopic ในชั้น SMAS เป็นชั้นกล้ามเนื้อ แล้วใช้วัสดุทางการแพทย์ ไม่เป็นอันตรายต่อผิว สามารถสลายไปเองได้ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมตกค้างในผิว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดล็อคผิวหน้าผาก ให้ยกขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อใดๆออก
- เทคนิคการผ่าตัดแบบแผลเล็ก เป็นการเปิดแผลขนาดเล็กทั้ง 2 ข้าง ตรงด้านบนช่วงขมับลงมาถึงขอบหน้าหูส่วนบน เลาะชั้นใต้ผิวหนังลงไปถึงประมาณใบหน้าส่วนล่าง ในชั้นใต้ผิว SMAS และดึงยกเก็บ เย็บในตำแหน่งใหม่ให้ผิวกระชับ พร้อมกับผิวหนังส่วนเกินออก จากนั้นจึงเย็บผิดแผลด้วยเทคนิคซ่อนแผลให้สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยของร่องแก้มเพียงเล็กน้อย
- เทคนิคการผ่าตัดแบบดึงทั้งหน้า เปิดแผลทั้ง 2 ข้างที่หน้าหูและติ่งหู ผ่าตัดเลาะเนื้อเยื่อดึงผิวหนัง Skin และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไปจนถึงชั้น SMAS แล้วยึดเนื้อเยื่อด้วย Endotine Midface ดึงให้ตึงจากนั้นถึงตัดผิวหนังส่วนเกินออก จากนั้นเย็บปิดแผลด้วยเทคนิคซ่อนแผลให้สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยทั้งใบหน้า
- ให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเสริมสวยโดยตรง ตรวจสอบได้ เนื่องจากมีรายชื่อเป็น “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง” ในฐานข้อมูลเว็บไซต์ของแพทยสภา และสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
- เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล
- บริการศัลยกรรมเสริมความงามครบวงจร ทั้งศัลยกรรมใบหน้า เสริมหน้าอก ดูดไขมัน ปรับรูปร่างให้สวยสมส่วน ดูแลผิวพรรณให้ขาวใส ลดริ้วรอย ดูแลปัญหาของสุภาพสตรี เช่น การทำรีแพร์ เรียกว่ารับบริการจาก เมโกะ คลินิก “สวยครบ จบ ในที่เดียว”
สรุป
ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง และกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า เป็นความเสื่อมถอยไปตามอายุที่มากขึ้น และเป็นความเสื่อมถอยไปตามธรรมชาติที่ป้องกันได้ยาก ทำได้เพียงบำรุงดูแลผิวพรรณเพื่อรักษาความยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ส่วนความหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า การศัลยกรรมใบหน้า หรือผ่าตัดดึงหน้า เป็นการแก้ปัญหาช่วยให้ใบหน้าแลดูเยาว์วัย ซึ่งสามารถทำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพียงเลือกคลินิกศัลยกรรมดึงหน้าที่เราเชื่อมั่น และ เมโกะ คลินิก คือศูนย์ศัลยกรรมความงามที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด