การเสริมหน้าผากคือ ศัลยกรรมความงามที่ช่วยเสริมสร้างมิติบนใบหน้า ทำให้รูปทรงหน้าผากละมุนรับกับสันจมูกและโครงหน้า ทำได้หลายเทคนิค โดยศัลยแพทย์จะเลือกเทคนิคการเสริมหน้าผากที่เหมาะสมกับผู้รับบริการ สำหรับคนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีดูแลหลังเสริมหน้าผาก อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงและสิ่งที่ห้ามทำ มีอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ
ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ทำได้ 3 เทคนิควิธี ได้แก่ การฉีดสารเติมเต็ม การเติมเต็มหน้าผากด้วยไขมันตัวเองและการเสริมผากด้วยซิลิโคน ผลลัพธ์ที่ได้และอาการหลังศัลยกรรมอาจแตกต่างกันไป สำหรับการเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยม ในการศัลยกรรมแพทย์จะทำการประเมินไซส์ซิลิโคน ระดับความโหนกนูนให้เหมาะแต่ละบุคคล ทั้งการใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปหรือซิลิโคนเฉพาะบุคคล อาการหลังศัลยกรรม มีดังนี้
- ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก จะมีอาการบวมและฟกช้ำ ถือเป็นอาการปกติของการผ่าตัดที่สามารถเกิดขึ้นได้ และจะหายไปได้เองภายใน 3- 5 วัน
- อาจมีอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า หลังจากเสริมหน้าผา เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ และจะค่อย ๆ หายไปได้เอง
- มีอาการบวมที่บริเวณแผลผ่าตัด หรือแผลผ่าตัดมีรอยเขียวช้ำอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ บรรเทาลงไปเอง เมื่อผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนหลังผ่าตัด
- หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ประมาณ 3 เดือน ซิลิโคนที่เสริมหน้าผากก็จะเริ่มปรับเข้ารูปกับขนาดหน้าผากเดิมของผู้เข้ารับบริการ ส่งผลให้ใบหน้าดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ
- ศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ไม่ว่าจะวิธีฉีดฟิลเลอร์ การเติมเต็มหน้าผากด้วยไขมันตัวเอง หรือผ่าตัดเสริมซิลิโคน หากขาดการดูแลอย่างถูกวิธี หรือเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน โอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังการการศัลยกรรมเสริมหน้าผาก เกิดขึ้นได้ ดังนี้
- บริเวณหน้าผากมีรอยย่น เป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ หรือเสียทรง เกิดได้จากการใช้สารฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการออกแบบซิลิโคนเสริมหน้าผากที่ไม่พอดี
- หน้าผากมีขอบระหว่างซิลิโคนกับเนื้อหน้าผากจริงที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ปัญหานี้เกิดจากการหล่อซิลิโคนที่ขนาดไม่พอดีกับขนาดหน้าผากของผู้เข้ารับบริการ
- เนื้อบริเวณหน้าผากมีลักษณะใส เกิดจากการหล่อซิลิโคนที่มีขนาดตึง หรือคับแน่นกับหน้าผากมากเกินไป
- หน้าผากมีรอยเหี่ยวย่นไม่ตึงกระชับ เกิดจากอายุผิวหนังที่มากขึ้นตามวัยจนเกิดความหย่อนคล้อย ซึ่งการใช้วิธีเสริมหน้าผากเข้ามาแก้ปัญหานี้ ไม่สามารถแก้ได้ตรงจุด
วิธีดูแลหลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก
- ช่วง 1-2 สัปดาห์แรกควรนอนยกศีรษะให้สูง เพื่อลดอาการบวม
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดแผลใน 1-2 แรกหลังผ่าตัด หลังจากนั้นให้เปลี่ยนเป็นประคบอุ่น
- พันผ้าบริเวณศีรษะเป็นเวลา 7 วัน เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- ทำความสะอาดแผลวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็นจนกว่าจะตัดไหม
- งดการสัมผัส เกา แกะ หรือกดนวดใด ๆ บริเวณหน้าผาก
- รับประทานยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ หรือยาที่แพทย์จ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- งดการสระผม ไม่ให้แผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม
- งดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสกับความร้อน เช่น การตากแดด ซาวน่า ทำสปา ออกกำลังกาย ในช่วง 7 วัน หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก
- ช่วง 3 แรกหลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ให้ใส่สายรัดหน้าผากไว้ตลอดเวลา
- งดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงบริเวณแผลจนกว่าแพทย์จะอนุญาต
หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ห้ามรับประทานอะไร
- ควรงดอาหารทะเล ในช่วง 7-14 วันแรก เพราะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย
- งดรับประทานอาหาร รสจัด เผ็ดจัด เช่น ส้มตำปูปลาร้า 3 – 4 สัปดาห์หลังศัลยกรรมหน้าผาก
- งดอาหารที่มีรสเค็มจัด อาจทำให้ บริเวณแผลบวมได้
- งดรับประทานของหมักดอง อย่างน้อย 1 เดือน
- อาหารไม่ผ่านการปรุงให้สุก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ห้ามทำ อะไร
- ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วันหรือครบกำหนดวันตัดไหม
- ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดสูบบุหรี่ 2 เดือน เนื่องจากบุหรี่ ทำให้แผลหายช้า
- ห้ามนอนคว่ำ นอนตะแคง ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
- งดออกกำลังกายและทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหนัก ๆ อย่างน้อย 1 เดือน
- ห้ามสระผม หรือโดนน้ำบริเวณแผลผ่าตัด ประมาณ 10-14 วัน
- ควรจะงดทำสีผมและการไดร์ผมด้วยลมร้อนในช่วง 6 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลผ่าตัดดึง ผิวหน้าหน้าโดนสารเคมี โดนความร้อน
- หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก อย่างน้อย 30 วัน งดเลเซอร์ ทรีตเมนต์ นวดหน้า เพราะอาจกระทบกระเทือนต่อซิลิโคนที่เสริม หรือทำให้แผลอักเสบ ติดเชื้อได้
- ห้ามกด สัมผัส หรือขยี้บริเวณผ่าตัดและบริเวณหน้าผากบ่อย ๆ ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก
สรุป
การศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ทุกเทคนิควิธีไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ หรือผ่าตัดเสริมซิลิโคน หากรับบริการจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน ให้บริการโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ โอกาสเกิดผลข้างเคียงก็จะมีน้อย รวมถึงการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด ผลลัพธ์ของการศัลยกรรมเสริมหน้า นอกจากปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนแล้ว ยังได้ทรงหน้าผากอย่างที่ต้องการอีกด้วย