สารบัญเนื้อหา
“ศัลยกรรมเสริมหน้าอก” ทางหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความฝันของสาว ๆ หลายคน ที่ไม่พอใจกับขนาดและรูปทรงหน้าอกของตัวเอง เพราะจากสาเหตุต่าง ๆ อย่าง พันธุกรรม ความผิดปกติแต่กำเนิด น้ำหนักที่เปลี่ยนแปลง หรือผลกระทบหลังการตั้งครรภ์และให้นมบุตร
ในการทำศัลยกรรมหน้าอก สำคัญคือต้องมีความรู้และเข้าใจประเด็นต่าง ๆ รอบด้านก่อนจะตัดสินใจค่ะ ตั้งแต่การเลือกขนาด รูปทรง และชนิดของซิลิโคน ไปถึงการทราบภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เพื่อการได้หน้าอกใหม่ที่ไม่แค่สวยงาม แต่ต้องปลอดภัย และมั่นใจได้ระยะยาว
สารบัญเนื้อหา
เสริมหน้าอก หรือทางการแพทย์เรียกว่า “ศัลยกรรมเสริมเต้านม (Breast Augmentation)” คือการผ่าตัดเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น ปรับปรุงรูปทรงให้ดูสวย กระชับ และสมส่วนกับรูปร่าง เป็นการแก้จุดบกพร่องของหน้าอกที่มีขนาดเล็กหรือไม่สมมาตร ช่วยเพิ่มความมั่นใจ ความรู้สึกเป็นผู้หญิง และเสริมบุคลิกภาพ
การผ่าตัดเสริมหน้าอกจะทำโดยใส่ถุงซิลิโคนหรือเติมไขมันเข้าในเต้านม มีเทคนิคกับวิธีการหลากหลาย ที่ต้องอาศัยการประเมินและคำปรึกษาจากศัลยแพทย์ตกแต่งเป็นรายบุคคล เพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะกับแต่ละคนค่ะ
การเสริมหน้าอกเป็นการผ่าตัดความงามที่นิยมสูงในหมู่ผู้หญิง เพราะหน้าอกเป็นเสน่ห์และสัญลักษณ์ของความงามตามธรรมชาติของเพศหญิง มีความเชื่อมโยงกับความรู้สึกเป็นผู้หญิง และความมั่นใจ สาว ๆ ไม่น้อยเลยตัดสินใจเสริมหน้าอกด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น
เสริมหน้าอกสามารถทำได้หลายวิธี แบ่งตามประเภทของวัสดุที่ใช้ผ่าตัดเป็น 3 แบบหลัก ๆ คือ เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน เสริมหน้าอกด้วยไขมันจากตัวเอง และการเสริมหน้าอกแบบผสมผสาน วิธีการเหล่านี้มีข้อดี/ข้อเสีย และความเหมาะสมกับผู้รับบริการที่มีเงื่อนไขต่างกัน แนะนำศึกษารายละเอียดและปรึกษาศัลยแพทย์ เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสุดกับเป้าหมายและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ
เป็นวิธีที่นิยมสุดในการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพราะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกับก่อนทำชัดเจน สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้มากตามต้องการ ปรับรูปทรงได้ละเอียด ซิลิโคนที่ใช้จะเป็นถุงซิลิโคนเกรดการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง วัสดุไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย
ถุงซิลิโคนมีหลายแบบ เช่น รูปทรงกลม ทรงหยดน้ำ พื้นผิวเรียบหรือผิวทราย โดยศัลยแพทย์จะเลือกใช้ถุงซิลิโคนให้เหมาะกับสรีระ ความต้องการ และเป้าหมายของผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละราย สามารถจัดวางตำแหน่งได้ทั้งใต้ต่อมน้ำนม ใต้กล้ามเนื้อ หรือกึ่งใต้กล้ามเนื้อ ซึ่งใช้เทคนิคการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อนแตกต่างกันค่ะ
ข้อดีของซิลิโคน คือให้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้ค่อนข้างแน่นอน เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน และหน้าอกดูธรรมชาติใกล้เคียงนมจริง แต่มีข้อจำกัด ในเรื่องการผ่าตัดที่ซับซ้อน การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดที่ค่อนข้างเข้มงวด ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใส่ซิลิโคนระยะยาวที่ต้องติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
การเสริมหน้าอกด้วยไขมัน เป็นการดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณอื่นของร่างกาย ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ แล้วนำมาฉีดเข้าในเต้านมอีกที เพื่อเพิ่มขนาด ปรับรูปทรง ข้อดีคือได้หน้าอกที่เป็นเนื้อเยื่อของตัวเอง รู้สึกนุ่มธรรมชาติ ไม่ต้องใส่วัสดุแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ผ่าตัดได้แผลเล็ก ไม่เสี่ยงจากภาวะถุงซิลิโคนแตกรั่ว หรือแคปซูลหดรัดตัว
แต่ขณะเดียวกัน การเสริมด้วยไขมันตัวเองข้อจำกัดจะมากกว่า เพราะต้องมีปริมาณไขมันสะสมในร่างกายมากพอที่จะนำมาฉีดเติมให้ได้ขนาดของหน้าอกใหม่ตามต้องการ ไขมันที่ฉีดไปอาจถูกดูดซึมกลับไปบางส่วน ทำให้ยากในการคาดเดาผลลัพธ์สุดท้าย 100% อีกทั้งเพิ่มขนาดหน้าอกได้ไม่มากเท่าการใส่ถุงซิลิโคน ทั่วไปสามารถเพิ่มขนาดได้ประมาณ 1 คัพ เหมาะกับสาวที่ต้องการปรับหน้าอกให้สวยขึ้น ไม่เน้นที่การเปลี่ยนแปลงขนาดมาก
เป็นการนำข้อดีของซิลิโคนและไขมันตัวเองรวมกัน โดยใช้ถุงซิลิโคนเสริมเป็นโครงสร้างหลัก กำหนดขนาดและรูปทรงคร่าว ๆ แล้วใช้การฉีดไขมันตามขอบและด้านข้าง เพื่อเติมเต็มส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ ช่วยปรับรูปทรงและเพิ่มความเป็นธรรมชาติมากขึ้น หน้าอกดูกลมกลืนเคลื่อนไหวสวยงาม ส่วนไขมันที่ฉีดเข้าไปยังช่วยซ่อนขอบของถุงซิลิโคน ไม่ให้ปูดโปนนูนขึ้นมาให้เห็น
ศัลยกรรมหน้าอกแบบผสมผสาน จะเหมาะกับสาวที่มีบริเวณหน้าอกบาง คลำได้ถึงถุงซิลิโคน มีรอยย่น ก้อนไม่เรียบเนียน หรือมีรูปทรงทรวงอกผิดปกติที่ต้องอาศัยการปรับแต่งมากขึ้น ข้อดีคือให้ผลลัพธ์ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติที่สุด แต่มีข้อเสียเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากกว่า การฟื้นตัวนานกว่า รวมถึงความเสี่ยงของทั้งไขมันและซิลิโคนค่ะ
กระบวนการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญหลายอย่างที่ต้องเตรียมและดำเนินอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่หาข้อมูล เลือกศัลยแพทย์ การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ไปถึงการผ่าตัดจริงและการพักฟื้น ดังนี้
ก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก สำคัญคือผู้รับบริการต้องมีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมสำหรับการมีหน้าอกใหม่ เริ่มตั้งแต่การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างหน้าอก สภาพผิวหนัง กล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น กำหนดขนาด ตำแหน่ง และเลือกประเภทซิลิโคนหรือวิธีการเสริมที่เหมาะสม รวมถึงเข้าใจขั้นตอน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อน และระยะเวลาพักฟื้นค่ะ
เมื่อถึงวันผ่าตัดจริง ผู้ป่วยต้องมาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัด จะมีพยาบาลมาเตรียมตัว เช็คชื่อ วัดสัญญาณชีพ และให้ยาระงับประสาทก่อนนำเข้าห้องผ่าตัดปลอดเชื้อค่ะ ทีมวิสัญญีจะให้ยาชาเฉพาะที่และยาสลบ เมื่อผู้ป่วยหลับลึกแล้ว ศัลยแพทย์จะเริ่มผ่าตัดตามขั้นตอน คือ
ทั่วไปผ่าตัดใช้เวลา 1-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับประเภทการผ่าตัด ความยากง่าย และทักษะความชำนาญของศัลยแพทย์ จากนั้นถึงนำผู้ป่วยไปพักฟื้นที่ห้องหลังผ่าตัดจนกว่าจะรู้สึกตัว สัญญาณชีพปกติ ค่อยย้ายไปห้องพักฟื้นปกติ ส่วนใหญ่จะต้องค้างคืนที่สถานพยาบาลอย่างน้อย 1 คืน ภายใต้การสังเกตอาการและให้ยาแก้ปวดอย่างใกล้ชิด
หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก 2-3 วันแรก เป็นช่วงสำคัญที่ต้องพักฟื้น ปฏิบัติตัวอย่างระมัดระวัง ตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยให้แผลหายเร็ว ไม่มีภาวะแทรกซ้อน และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีข้อควรปฏิบัติเบื้องต้น เช่น
หลัง 1-2 เดือนแรก เมื่อแผลหายดีแล้ว ศัลยแพทย์จะแนะนำวิธีการนวดคลึงหน้าอก สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ถุงซิลิโคนเข้าที่ ไม่เกิดแคปซูลหดรัด หน้าอกไม่แข็งผิดรูปหรือปวดเจ็บในระยะยาว การนวดคลึงแนะนำทำต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน หรือกว่าจะมั่นใจว่าหน้าอกนิ่มและมีรูปทรงสวยคงที่แล้วค่ะ
การผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน เริ่มที่การเลือกถุงซิลิโคนให้เหมาะกับสรีระ รสนิยม และความคาดหวังของแต่ละบุคคลค่ะ เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่ต้องพิจารณารอบด้าน โดยศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล
ซิลิโคนเสริมหน้าอก ปัจจุบันที่นิยม จะแบ่งตามสารที่บรรจุภายในเป็น 2 ประเภทหลัก
นอกจากเนื้อสารภายใน ซิลิโคนเสริมหน้าอกยังแตกต่างกันตามรูปทรงภายนอกอีก 3 แบบ ที่ให้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน คือ
ขนาดของซิลิโคนจะบอกปริมาตรเป็น “ ซีซี (cc) ” เริ่มตั้งแต่ 150-800 ซีซี สามารถเทียบเป็นคัพไซส์ได้คร่าว ๆ ตามนี้
การเลือกขนาดซิลิโคนจะต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งขนาดรอบอก ความกว้างของหน้าอก ระยะห่างระหว่างหัวนม ความยืดหยุ่นของผิวหนัง และปริมาณไขมันเดิม เพื่อให้ได้ขนาดที่ไม่ใหญ่หรือเล็กเกิน ดูกลมกลืนกับโครงสร้างทรวงอก และไม่เป็นภาระของร่างกายจนเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาค่ะ
หลังเลือกถุงซิลิโคนเสริมหน้าอก ต่อไปคือการกำหนดแผนการผ่าตัด จุดสำคัญอยู่ที่เทคนิคการวางตำแหน่งของถุงซิลิโคน เพราะมีผลโดยตรงต่อความธรรมชาติ ความคงทนถาวร การเกิดภาวะแทรกซ้อน รวมถึงความยากง่ายและระยะเวลาการฟื้นตัว
ปัจจุบัน สามารถวางถุงซิลิโคนได้หลายระดับชั้น ทั้งเหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อ และระนาบผสมผสาน การเลือกเทคนิคไหนในการวางถุงซิลิโคน จะต้องผ่านการประเมินโดยศัลยแพทย์จากโครงสร้างร่างกายและสภาพเต้านมของผู้รับการผ่าตัดเป็นรายบุคคลค่ะ
การวางถุงซิลิโคนไว้ใต้ต่อมน้ำนม แต่อยู่เหนือกล้ามเนื้อหน้าอก (Pectoralis muscle) เป็นเทคนิคดั้งเดิมสำหรับผู้ที่หน้าอกมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีเนื้อเยื่อหนาและหย่อนคล้อยระดับหนึ่ง แต่กล้ามหน้าอกบางหรือไม่ค่อยออกกำลังกาย
ข้อดีคือหมอสามารถเข้าถึงบริเวณผ่าตัดได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แผลหายไว และหน้าอกจะเคลื่อนไหวได้อิสระ เพราะไม่ไปรบกวนการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหน้าอก แต่ข้อจำกัดคือ ถ้าชั้นผิวหนังและไขมันบางเกินจะทำให้คลำได้ถึงขอบถุงซิลิโคน มองเห็นรอยคลื่นไหวหรือย่นของพื้นผิวถุงง่าย และเสี่ยงต่อภาวะแคปซูลหดรัดมากกว่าเทคนิคแบบอื่นค่ะ
ทางกลับกัน การเลือกวางถุงซิลิโคนไว้ด้านหลังของกล้ามเนื้อหน้าอก ตำแหน่งนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติกว่า เพราะมีชั้นกล้ามเนื้อช่วยซ่อนรอยต่อและขอบของถุงซิลิโคนไว้ ผิวเต้านมด้านหน้าจะเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่นหรือปูด และเสี่ยงต่อการเกิดแคปซูลหดรัดน้อยกว่าด้วย
เทคนิคนี้เหมาะกับสาวที่หน้าอกค่อนข้างแบน ไขมันน้อย หรือผิวหนังบาง ไม่สามารถวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อได้ค่ะ แต่ข้อจำกัดคือ การผ่าตัดจะทำได้ยากกว่า ต้องกรีดแผลกว้างขึ้น เจ็บและบวมมากกว่า ฟื้นตัวช้า ซึ่งในช่วงแรกเต้านมจะดูผิดรูปจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนถึงผลลัพธ์จะเข้าที่ และเสี่ยงต่อการเลื่อนหลุดของถุงซิลิโคนสูงกว่าการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ
การวางซิลิโคนแบบ Dual Plane เป็นวิธีที่ผสานข้อดีของสองเทคนิคก่อนหน้าเข้าด้วยกัน โดยแบ่งวางถุงซิลิโคนเป็น 2 ระนาบ คือ ส่วนบนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อ ส่วนล่างจะอยู่เหนือกล้ามเนื้อ ทำให้ครึ่งบนของเต้านมดูธรรมชาติ ขอบไม่ชัด ส่วนครึ่งล่างจะออกมานูนอิ่มเต็มทรง แก้ปัญหาเต้านมห่างหรือหย่อนคล้อยได้ดี
ข้อดีคือช่วยลดความเสี่ยงของแคปซูลหดรัด ได้รูปทรงที่สวยกว่าการวางใต้กล้ามอย่างเดียว และไม่ต้องรอให้ผลลัพธ์เข้าที่นานแบบวางใต้กล้ามค่ะ มีข้อจำกัดคือ ความยุ่งยากในการผ่าตัด ศัลยแพทย์ต้องมีความชำนาญเฉพาะทางสูง เสี่ยงต่อการเกิดเลือดคั่ง และอาจเกิดอาการแทรกซ้อนอย่าง น้ำเหลืองคั่ง หรือหัวนมบวมช้ำ ได้มากกว่า
การผ่าตัดเสริมหน้าอก สามารถเลือกตำแหน่งรอยแผลกรีดบนผิวหนังได้ ตามความเหมาะสมกับสรีระและความต้องการแต่ละคน แต่ความเป็นจริง ตำแหน่งแผลผ่าตัดจะถูกจำกัดด้วยปัจจัยทางกายวิภาคหลายอย่าง รวมถึงชนิดและขนาดถุงซิลิโคนที่ใช้
แผลผ่าตัดที่ดีควรมีขนาดเล็กสุดเท่าที่ทำได้ แต่ก็ต้องกว้างพอให้ศัลยแพทย์สามารถจะสอดใส่ถุงซิลิโคนเข้าไปได้ปลอดภัย ไม่ฉีกขาดหรือช้ำเกิน อยู่ในตำแหน่งที่ปิดได้สนิท และไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อสำคัญ รวมถึงสามารถซ่อนได้มิดชิดเมื่อแผลหายสนิทค่ะ
ตำแหน่งแผลใต้ราวนมเป็นที่นิยมสูงปัจจุบัน เพราะเข้าถึงตำแหน่งผ่าตัดได้ง่าย ปลอดภัย สามารถสอดใส่ถุงเข้าจัดวางได้แม่นยำ ได้รูปทรงสมมาตรเท่ากันทั้งสองข้าง การผ่าตัดทำได้เร็ว เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวไว และซ่อนแผลในร่องใต้ฐานราวนมได้เนียนสนิท แถมใช้เป็นทางผ่าตัดสำหรับแก้ไขหรือเปลี่ยนถุงซิลิโคนในอนาคตได้ด้วย
ข้อจำกัดคือ กรณีที่ราวนมอยู่สูงติดกับถุงซิลิโคน จะทำให้ถุงดันออกมาเป็นขอบนูนได้ และถ้ามีแผลเป็นนูนขึ้น ก็อาจมองเห็นได้เวลาสวมบิกินีหรือชุดล่างอกต่ำค่ะ
การกรีดรอบขอบหัวนมที่ต่อกับผิวอ่อนบริเวณปานนม แผลจะเล็กและกลืนไปกับผิวคล้ำได้ดี ทำแล้วแผลเรียบเนียนแทบไม่เห็นว่าเคยผ่าตัด เหมาะกับสาวผิวสองสีที่หัวนมใหญ่ สีเข้ม และมีราวนมกว้างพอจะซ่อนรอยแผลได้หมด มีข้อจำกัดคือ ต้องกรีดรอบหัวนม 1 ใน 3 ถึงครึ่งวง อาจทำให้เกิดแผลแยก หัวนมบวม ชา หรือผิดรูปไป รวมถึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากท่อน้ำนมที่เปิดออกขณะผ่าตัด ยุ่งยากในการดูแลแผลมากกว่าแบบอื่น
แผลบริเวณใต้วงแขนด้านในติดลำตัว เป็นตำแหน่งที่ซ่อนรอยแผลได้มิดชิดสุดเพราะไกลจากเต้านม ไม่ว่าแผลเป็นจะหนาหรือนูน ก็ไม่มีทางเห็นได้จากภายนอก เหมาะกับสาวที่เป็นแผลเป็นง่าย มีปัญหาสีผิว หรือต้องการความเป็นส่วนตัวสูง
ข้อจำกัดคือ เป็นวิธีที่ทำได้ยาก ต้องอาศัยอุปกรณ์พิเศษ ใช้เวลานาน ทำให้เจ็บและบวมมาก ไม่สามารถใส่ถุงซิลิโคนขนาดใหญ่ได้เพราะรูแผลจำกัด และอาจวางตำแหน่งถุงได้ไม่แม่นยำเท่าแผลใต้ราวนม ส่วนใหญ่ได้ผลลัพธ์ไม่ค่อยจะดูดี ปัจจุบันไม่นิยมค่ะ
ศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีความปลอดภัยสูง หากทำโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญและใช้อุปกรณ์มาตรฐาน แต่เหมือนกับทุกการผ่าตัดใหญ่ ก็ยังมีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนได้ ทั้งแบบเกิดทันทีหลังผ่าตัด หรือค่อย ๆ แสดงอาการระยะยาวค่ะ
ภาวะแทรกซ้อนระยะสั้น (1-2 สัปดาห์หลังผ่าตัด) |
|
ภาวะแทรกซ้อนระยะกลาง (1-3 เดือนหลังผ่าตัด) |
|
ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว (มากกว่า 3 เดือนขึ้น) |
|
หลังทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วค่ะ
การศัลยกรรมเสริมหน้าอก เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่มีความเสี่ยงและมีผลกระทบต่อร่างกายระยะยาว การตัดสินใจจะเข้ารับการผ่าตัด แนะนำไม่ควรใช้อารมณ์ชั่ววูบ แต่ต้องมีการหาข้อมูล และวางแผนมาอย่างดี โดยคำนึงถึงเรื่องหลัก ๆ ตามนี้
หัวใจสำคัญการเสริมหน้าอก อยู่ที่การเลือกศัลยแพทย์ที่มีความรู้และชำนาญค่ะ เพราะแพทย์จะเป็นผู้ให้คำปรึกษา แนะนำทางเลือกที่เหมาะสม วางแผน และลงมือผ่าตัดอย่างปลอดภัย รวมถึงดูแลเมื่อเกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนใด ๆ สิ่งที่ต้องดูเพื่อเลือกแพทย์ คือ
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดเสริมหน้าอก สามารถป้องกันและลดทอนลงได้ หากได้รับการดูแลที่มาตรฐาน ทั้งในเรื่องของ
สถานที่ผ่าตัด |
เป็นโรงพยาบาลหรือคลินิกศัลยกรรมตกแต่ง ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย มีการควบคุมคุณภาพเข้มงวด |
ห้องผ่าตัด |
สะอาดปลอดเชื้อ อุปกรณ์ครบ ระบบไฟสำรองพร้อม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม |
เครื่องมือ และ อุปกรณ์การแพทย์ |
ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก อย. ทันสมัย ครบถ้วน และจำนวนเพียงพอ |
ยา เวชภัณฑ์ |
เป็นยาขึ้นทะเบียนถูกต้อง เก็บรักษาเหมาะสม ไม่หมดอายุ |
บุคลากรทางการแพทย์ |
มีศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ และพยาบาลเฉพาะทาง ที่ผ่านการฝึกอบรมและได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ |
การดูแลก่อนและหลังผ่าตัด |
ประเมินความพร้อมผู้ป่วย คัดกรองความเสี่ยง ให้คำแนะนำ และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น |
การสื่อสารและให้ข้อมูล |
มีเอกสารยินยอมทำการรักษา (Informed Consent) อธิบายกระบวนการและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียด |
เรื่องที่ส่งผลต่อราคา/ค่าใช้จ่ายการเสริมหน้าอก ประกอบด้วย
ตัวอย่างราคาใช้จ่ายโดยประมาณ เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนในไทย
รายการ |
ราคาโดยประมาณ (บาท) |
ค่าถุงซิลิโคน |
30,000 – 180,000 |
ค่าแพทย์ (รวมค่าผ่าตัดเสริมหน้าอก) |
60,000 – 200,000 |
วิสัญญี |
15,000 – 30,000 |
ห้องผ่าตัด |
20,000 – 50,000 |
ยาและเวชภัณฑ์ |
10,000 – 30,000 |
ค่าห้องพักฟื้น (1-2 คืน) |
5,000 – 20,000 |
ชุดซัพพอร์ตบรา |
1,000 – 3,000 |
รวมค่าใช้จ่ายประมาณ |
141,000 – 513,000 |
ไม่ส่งผลค่ะ เพราะถุงซิลิโคนและช่องที่ทำการผ่าตัด จะอยู่ด้านหลังต่อมสร้างน้ำนมและท่อน้ำนม ไม่ขวางการไหลเวียนของน้ำนม เว้นแค่แผลผ่าตัดรอบปานนม ที่ต้องระวังเรื่องความสะอาดกับการติดเชื้อในช่วงให้นมบุตรเท่านั้น
ซิลิโคนเสริมหน้าอกที่ใช้ปัจจุบัน สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดอายุขัยค่ะ (Lifetime Device) ไม่มีกำหนดอายุใช้งานแน่นอน ไม่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนเป็นประจำ แต่แนะนำให้ตรวจหน้าอกกับแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง หากพบความผิดปกติ เช่น ซิลิโคนแตกรั่ว อาการแคปซูล หรือหน้าอกไม่เท่ากัน จะได้วางแผนแก้ไขต่อไป
ปัจจุบันไม่มีการศึกษาทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า การฝังถุงซิลิโคนในเต้านมจะส่งผลให้เกิดมะเร็งเต้านมมากขึ้น เพราะซิลิโคนเองก็เป็นวัสดุที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) แล้วค่ะ
ทำได้เหมือนเดิมค่ะ แค่ต้องแจ้งให้หมอกับเจ้าหน้าที่ทราบก่อนว่าเสริมหน้าอกมา เพื่อเลือกวิธีและเทคนิคการตรวจได้เหมาะสม เพราะจะมีวิธีการเฉพาะให้มองเห็นเนื้อเยื่อเต้านมได้ชัด ไม่มีถุงซิลิโคนมาบัง
หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก 6-8 สัปดาห์ และแผลหายดีแล้ว สามารถออกกำลังกายได้ค่ะ แต่แนะนำเริ่มจากออกกำลังกายแบบไม่กระแทกหรือใช้แรงมาก เช่น การเดิน ว่ายน้ำ หรือถีบจักรยานอัตราเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความหนักกับความเข้มข้นการออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป
กรณีรู้สึกเจ็บ ปวด หรือไม่สบายผิดปกติ ควรลดระดับการออกกำลังกายหรือหยุดพัก และปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น สำหรับผู้เล่นกีฬาอย่าง วิ่ง หรือเทนนิส ไม่แนะนำให้เล่นจนกว่าจะครบ 3 เดือนหลังผ่าตัด ส่วนกีฬาปะทะ เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฟุตบอล ควรเว้นไว้ให้แผลหายสนิทดี 4-6 เดือน และระหว่างนี้ควรใส่เสื้อกีฬาชนิดซัพพอร์ตหน้าอก (Sports Bra) ที่มีฟองน้ำหรือวัสดุกันกระแทกเสริมด้านหน้าค่ะ
การเดินทางด้วยเครื่องบินไม่ส่งผลให้ถุงซิลิโคนแตกหรือรั่วง่ายขึ้น ทั่วไปสามารถทนแรงกดภายนอกได้มากถึง 25-30 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เทียบเท่ากับแรงกดใต้น้ำระดับความลึก 100 ฟุต แต่แนะนำควรปรึกษาแพทย์ผู้ผ่าตัดก่อนการเดินทางทุกครั้ง เพื่อความสบายใจค่ะ
หากรู้สึกไม่พอใจรูปทรงหรือขนาดหน้าอกหลังผ่าตัด อันดับแรกคือปรึกษาศัลยแพทย์ที่ผ่าตัดค่ะ เพราะหากพบข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นระหว่างผ่าตัด ศัลยแพทย์จะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบและแก้ไขให้กว่าจะเป็นที่พอใจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม
แต่บางกรณี ที่เป็นเรื่องของรูปทรงหรือขนาดความต้องการ ซึ่งมีการผ่าตัดเพิ่มเติมจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นค่ะ แนะนำควรรอให้ครบ 6 เดือนหลังผ่าตัด เพื่อให้มั่นใจว่าเต้านมเข้าที่ที่สุดแล้ว
การศัลยกรรมเสริมหน้าอก เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในรูปลักษณ์ให้กับผู้หญิง ที่ไม่สบายใจกับหน้าอกของตัวเอง ทั้งเรื่องขนาด รูปทรง สัดส่วน หรือความสมมาตร แต่การเสริมหน้าอกก็ไม่ใช่ทางออกของทุกปัญหา เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่มีความเสี่ยง และค่าใช้จ่ายสูง การตัดสินใจเลยต้องมาจากเหตุผลที่ชัดเจน ไม่คล้อยตามแฟชั่นหรือคำชักชวนจากคนรอบข้าง
เพราะไม่มีหน้าอกไหนที่สมบูรณ์แบบ และรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้บอกถึงคุณค่าภายในเสมอไป สำคัญคือเรื่องสุขภาพกับความปลอดภัย หากการเสริมหน้าอกจะช่วยให้เรารักและเห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า