โบท็อก (Botox) เป็นหัตถการด้านความสวยงาม อย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงอันดับต้นๆของโลก โดยทั่วไปนิยมในบรรดาหมู่ผู้หญิง แต่ในปัจจุบันโลกได้เปิดกว้างขึ้นทำให้การฉีดโบท็อกเข้าถึงได้ง่ายและเป็นที่ยอมรับสำหรับทุกเพศ
โดยในบทความนี้จะมาพูดถึงว่าโบท็อกที่นำมาฉีดเข้าใบหน้าของเรานั้นคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ส่วนใหญ่ผู้คนมักฉีดกันในตำแหน่งไหนบ้าง รวมถึงประเภทของโบท็อกจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย
ฉีด B-tox คืออะไร
B-tox คือ ชื่อทางการค้าของสารจากธรรมชาติทางการแพทย์ เรียกว่า “Botulinum Toxin A” เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราวและช่วยลดริ้วรอยได้
การฉีด B-tox เป็นศัลยกรรมความงามวิธีหนึ่ง ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นและปรับรูปหน้าให้สวยงาม โดยใช้เวลาไม่นานแต่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้การใช้ B-tox ในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะมีความปลอดภัยและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์อย่างไร?
โบท็อกซ์ หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ มีความปลอดภัย และได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย หลักการทำงานการฉีดโบท็อกซ์แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็ก ฉีดปริมาณพอเหมาะลงไปที่กล้ามเนื้อ ตัวโบท็อกจะเข้าไปจับที่ปลายประสาท และออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้ จึงทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท ส่งผลให้ไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ หรือเป็นการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัวแลดูเล็กลง
ประโยชน์ของการฉีด B-tox
B-tox เป็นโปรตีนหรือสารสกัดจากธรรมชาติ การนำมาใช้ประโยชน์เริ่มจากทางการแพทย์นำมารักษาอาการกล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก รวมถึงอาการปวดไมเกรนและตาเหล่ ต่อมาในปี 2002 FDA ของอเมริกา ได้รับรองการใช้นำ B-tox ไปใช้เกี่ยวกับความงาม เช่น การลดริ้วรอยหน้าผากและรอยตีนกา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำ B-tox มาใช้ในเรื่องของผิวพรรณและความสวยงาม
การฉีด B-tox เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าและต้องการลดริ้วรอยต่างๆ เช่น ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ลบรอยตีนกา ริ้วรอยรอบดวงตาและปาก
- ผู้ที่รูปหน้าใหญ่ กรามใหญ่ ต้องการลดขนาดของกรามและปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการบำรุงดูแลผิวพรรณและป้องกันการเกิดริ้วรอยบริเวณใบหน้าในอนาคต
- ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะเหงื่อออกเฉพาะที่และทำให้มีกลิ่นตัว เช่น บริเวณรักแร้
ฉีด B-tox มีประโยชน์อย่างไร
สำหรับประโยชน์ทางด้านความสวยความงาม B-tox คือตัวยาที่สามารถใช้ฉีดได้หลายตำแหน่ง การฉีด B-tox ในแต่ละจุดหรือแต่ละตำแหน่งมีประโยชน์ ดังนี้
1. การฉีด B-tox ช่วยลดริ้วรอย
การเกิดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นปัญหาที่ทำให้ใบหน้าแลดูแก่กว่าวัย โดยทั่วไปการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น รอยตีนกา ริ้วหน้าผากและริ้วรอยที่เกิดจากการไม่แสดงสีหน้าก็เห็น เช่น พวกร่องต่างๆร่องใต้ตา ร่องระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก การฉีด B-tox ที่ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล ได้แก่ ริ้วรอยที่เกิดจากขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น รอยตีนกาและริ้วหน้าผาก หลังฉีดB-toxจะเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลง ริ้วรอยบนใบหน้าจึงค่อยๆลดลงทำให้มีใบหน้าที่ดูอ่อนวัยขึ้น
2. การฉีด B-tox ช่วยปรับรูปหน้า
การฉีด B-tox ช่วยปรับรูปหน้าให้สมส่วนได้ เพราะ B-tox จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท มีผลให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงและมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าเรียวขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผลภายใน 1-2 เดือน การฉีด B-tox เพื่อปรับรูปหน้าแพทย์จะฉีดตรงแนวขากรรไกร หรือบริเวณกราม
3. การฉีด B-tox ช่วยฟื้นฟูผิว
B-tox คือโปรตีนหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ กลไกการทำงานคือทันทีที่ฉีด B-tox เข้าสู่บริเวณที่ต้องการ เช่น ต้องการฟื้นฟูผิว แพทย์จะฉีด B-tox ไปที่กล้ามเนื้อและต่อมไขมัน เมื่อฉีด B-tox เข้าไปรูขุมขนจะหดเล็กลง ต่อมไขมันลดขนาดส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
ตำแหน่งที่สามารถฉีด B-tox ได้
การฉีด B-tox ผลลัพธ์หลักๆ ได้แก่ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยปรับรูปหน้าและช่วยฟื้นฟูสภาพผิว B-tox จึงสามารถฉีดได้หลายจุดทั่วใบหน้าหรือบริเวณผิวที่เกิดการพับมีริ้วรอยเล็กๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นริ้วรอยตื้นๆ ซึ่งจุดที่มักพบปัญหาริ้วรอยได้แก่ ระหว่างคิ้ว ใต้ตา หางตา ตีนกา ร่องแก้ม หน้าผาก บริเวณคอ ตำแหน่งที่สามารถฉีด B-tox เพื่อแก้ไขปัญหาความงามมีดังนี้
1. ฉีด B-tox ระหว่างคิ้ว
ตำแหน่งระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยได้ง่ายจากการแสดงสีหน้า เช่น รอยย่นระหว่างคิ้วทำให้ใบหน้าดูมีอายุไม่สดใส หลังการฉีด B-tox กลไกการทำงานจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ และยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทบริเวณรอยต่อของเส้นประสาทกับกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างคิ้วจึงช่วยให้ริ้วรอยลดเลือนลงได้
2. ฉีด B-tox หน้าผาก
การฉีด B-tox หน้าผากเป็นจุดที่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์หน้าได้อย่างเห็นผล เพราะเมื่อฉีดเข้าไปบริเวณหน้าผากที่มีริ้วรอย B-tox จะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว ริ้วรอยจะหายไป ปกติริ้วรอยบริเวณหน้าผากเป็นจุดที่เห็นได้ชัด หลังจากฉีด B-tox แล้วหากขยับหน้าหรือแสดงสีหน้าต่างๆก็ไม่เกิดการพับของผิวลดการเกิดริ้วรอยได้ดีและหลังฉีดใช้เวลา 7-14 วัน จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงเต็มที่
3.ฉีด B-tox ปีกจมูก
การมีปีกจมูกใหญ่ ปีกจมูกบาน นอกจากแก้ไขด้วยการผ่าตัดตกแต่งปีกจมูก เพื่อให้ได้รูปจมูกที่สวยแล้ว คนที่ไม่ต้องการผ่าตัด การฉีด B-tox ปีกจมูกถือเป็นอีกทางเลือกที่สามารถแก้ไขปีกจมูกบานให้ดูสมส่วนมากขึ้นโดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือเกิดรอยแผล การฉีด B-tox ปีกจมูกจะไปคลายกล้ามเนื้อส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัว และดึงปีกจมูกให้ใหญ่หรือบานขึ้นได้
4.ฉีด B-tox ลดโหนกแก้ม
โหนกแก้มใหญ่ โหนกแก้มสูง เป็นอีกหนึ่งปัญหาบนใบหน้าที่เห็นได้ชัด การฉีด B-tox ตัวยาจะเข้าไปช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มและปากบนให้มีขนาดเล็กลง สามารถช่วยลดโหนกแก้มให้เด่นน้อยลงได้ หลังฉีด B-tox นอกจากช่วยแก้ปัญหาหรือลดขนาดโหนกแก้มลงแล้ว ยังทำให้รูปหน้าเรียวขึ้นดูมีมิติมากขึ้น
5.ฉีด B-tox หางตา
เมื่ออายุมากขึ้นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็คือริ้วรอยรอบดวงตาและรอยตีนกา รวมทั้งการมีถุงใต้ตาหรือขอบตามีรอยคล้ำชัดเจน และการเกิดริ้วรอยเหล่านี้ยิ่งทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย การฉีด B-tox หางตาจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ริ้วรอยเหี่ยวย่นถูกคลี่ออก ส่งผลให้ริ้วรอยบริเวณใบหน้าและรอบดวงตาลดลงได้ ข้อดีของการฉีด B-tox หางตายังเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากฉีดประมาณ 3-7 วัน จะเริ่มรู้สึกว่าริ้วรอยเหี่ยวย่นลดลงและได้ผลเต็มที่ในเวลา 2 สัปดาห์
6.ฉีด B-tox ลิฟกรอบหน้าเรียว
การฉีด B-tox ลิฟกรอบหน้า คือ การใช้เทคนิคพิเศษด้วยการฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซินเฉพาะบริเวณกรอบหน้า โดยการฉีด B-tox ลิฟกรอบหน้าจะฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อบริเวณส่วนคอ บริเวณกรอบหน้าและใต้คาง เพื่อให้ผิวหน้าเกิดการยกกระชับ ช่วยเพิ่มมิติให้แก่ใบหน้าและหลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน
7.ฉีด B-tox บริเวณอื่นๆ ที่ไม่ใช่ใบหน้า
สำหรับการฉีด B-tox ช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยปรับรูปหน้าและช่วยฟื้นฟูสภาพผิว โดยตำแหน่งที่สามารถฉีด B-tox เพื่อลดปัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นการฉีดบริเวณจุดต่างๆบนใบหน้า ซึ่งคุณสมบัติของ B-tox นอกจากการฉีดบริเวณจุดต่างๆบนใบหน้าแล้ว ยังฉีดบริเวณอื่นๆที่ไม่ใช่ใบหน้าได้ด้วย เช่น
- ฉีด B-tox บริเวณรักแร้เพื่อลดเหงื่อและกลิ่นตัว เป็นการแก้ปัญหาให้กับคนที่มีภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกมาเฉพาะที่ เช่น บริเวณรักแร้
- ฉีด B-tox บริเวณน่องเป็นการใช้สาร B-tox ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อบริเวณน่อง โดย B-tox จะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อน่องที่ใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง
- ฉีด B-tox แขนเป็นการฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อแขน ช่วยแก้ปัญหาต้นแขนใหญ่ กล้ามแขนใหญ่
ประเภทของ B-tox ที่ได้รับความนิยม
B-tox และการฉีด B-tox เป็นศัลยกรรมความงามวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยม ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้ได้สวยงามได้สัดส่วนและยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ที่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน B-tox ที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมความงามมีหลายประเภทและหลายยี่ห้อจากหลากหลายประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย.ไทย มีดังนี้
1. B-tox จากประเทศอเมริกา
B-tox ยี่ห้อ Allergan ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกและยังมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก ข้อดีของ B-tox ยี่ห้อนี้ คือกระจายตัวแคบทำให้ควบคุมการฉีดได้แม่นยำ ตรงจุด ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 8 – 12 เดือน แต่ทั้งนี้ราคาอาจจะสูงกว่าโบท็อกกว่ายี่ห้ออื่นๆ
2. B-tox จากประเทศอังกฤษ
B-tox ยี่ห้อ Dysport ผลิตในประเทศอังกฤษ จุดเด่นของB-tox ยี่ห้อนี้ตัวยามีโมเลกุลเล็กทำให้กระจายตัวได้ดี เหมาะกับการฉีดเพื่อยกกระชับหน้าและใช้ฉีดในบริเวณกว้าง เช่น ฉีดลดเหงื่อ ลดต้นแขน ลดน่อง
3. B-toxจ ากประเทศเยอรมัน
B-tox ยี่ห้อ Xeomin เป็นยี่ห้อที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Allergan และ Dysport จุดเด่นของ B-tox ยี่ห้อนี้คือมีความบริสุทธิ์ 100% ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการฉีดลดริ้วรอย รวมถึงยกกระชับกรอบหน้าและยังเหมาะสำหรับใช้ในเคสที่มีอาการดื้อยาที่หยุดการฉีดไปแล้ว 2-3 ปี
4. B-tox จากประเทศฮ่องกง
B-tox ยี่ห้อ BTXA ได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในหลายๆประเทศทั่วโลก ตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จุดเด่นของ B-tox ยี่ห้อนี้สามารถนำมาใช้เพื่อลดริ้วรอย ลดขนาดของกล้ามเนื้อ ทั้งใช้ฉีดลดกล้ามเนื้อกราม เพื่อให้กรอบหน้าดูเรียวสวย ฉีดลดน่อง ลดกล้ามแขนและสามารถฉีดเพื่อลดเหงื่อได้ทั้งบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้าและรักแร้ เห็นผลลัพธ์ไวและเป็นธรรมชาติ อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
5.B-tox จากประเทศเกาหลี
- B-tox เกาหลียี่ห้อ Nabota มีเทคนิคการผลิตที่เฉพาะตัว เป็นโบท็อกยี่ห้อเดียวที่ได้รับรองมาตรฐานจาก อย. อเมริกา และได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ให้ผลลัพธ์เร็วตัวยาออกฤทธิ์ไวสามารถอยู่ได้ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
- B-tox เกาหลียี่ห้อ Hugel เหมาะกับการฉีดเพื่อลดริ้วรอยต่างๆบนใบหน้า เป็น B-tox ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% การนำมาใช้มีข้อดีคือเห็นผลได้รวดเร็ว แต่อยู่ได้ไม่นาน เมื่อเทียบกับ B-tox เกาหลีตัวอื่นๆ โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน
- B-tox เกาหลียี่ห้อ Aestox ตัวยามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ จุดเด่นของ B-tox ยี่ห้อนี้ เมื่อฉีดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น และปริมาณการฉีดก็ลดน้อยลง
- B-tox เกาหลียี่ห้อ Clodew ตัวยามีความบริสุทธิ์ 99.5% ได้รับการรับรองจาก อย. อเมริกาและมีเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะ การนำมาใช้ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
อันตรายที่เกิดจากการฉีด B-tox
B-tox ที่นำมาใช้ในทางการแพทย์และการเสริมความงามนั้นไม่เป็นอันตราย เนื่องจากมีผลงานการวิจัยรับรองและได้รับการรับรองจากอย. ทำให้การฉีด B-tox ไม่เกิดอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ในความดูแลของแพทย์ แต่ถ้าหากใช้มากเกินไปอาจจะทำให้ใบหน้ามีปัญหาในการแสดงสีหน้า ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ผลข้างเคียงจากการฉีด B-tox
- หลังฉีด B-tox อาจรู้สึกตึงๆเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ปกติและจะหายไปได้เอง
- บริเวณที่ฉีดเกิดรอยจ้ำแดงๆ รอยเขียว บวมช้ำ เกิดจากรอยช้ำเข็มสามารถพบได้ทั่วไป
- เกิดอาการบวมแดง รู้สึกเจ็บในตำแหน่งที่ฉีด เกิดจากการติดเชื้อ สาเหตุมาจากโบท็อกที่ไม่ได้มาตรฐานมีการเก็บรักษาที่ไม่ดีจนมีการปนเปื้อน
- หนังตาตก มุมปากตกชั่วคราว ยิ้มเบี้ยว เกิดจากการฉีด B-tox ผิดตำแหน่ง หรือตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องการ กรณีนี้มักเกิดจากการเลือกคลินิกและหมอกระเป๋าที่ไม่มีคุณภาพ ขาดความชำนาญหรือไม่ได้เป็นแพทย์วิชาชีพ
- มีอาการแพ้ตัวยา ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆปวดหัวเล็กน้อย คลื่นไส้ อาเจียน หรือเกิดผื่นคันบริเวณที่ทำการฉีด
- รู้สึกหน้าแข็งไปทั้งหน้า มีอาการตึงและขยับบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ดังใจ
- ลักษณะรูปหน้าไม่สมดุล เช่น ใบหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากัน
- เคี้ยวอาหารได้ลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีความยืดหยุ่น แข็ง หรือมีความเหนียวสูง
ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
โบท็อก คือโปรตีนชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาท หรือเป็นสารที่ไปลดการทำงานของกล้ามเนื้อแบบชั่วคราว โบท็อกซ์จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการปรับรูปหน้าเรียว และช่วยในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
- การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยลดขนาดกราม ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กลง
- ช่วยในการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ บริเวณขอบหน้าส่วนล่าง ผลที่ได้จะทำให้ใบหน้าดูกระชับมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อยของบริเวณแก้ม เห็นขอบหน้าชัดขึ้น
- ช่วยให้ผิวบริเวณแก้มและใต้ตามีความกระชับและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- การฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดขนาดปีกจมูกให้เล็กลง และเห็นสันแกนจมูกชัดเจนขึ้น
- การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยลดขนาดน่องให้ขาเรียวยาวสวย
- ช่วยลดรอยย่นบริเวณรอบปาก หรือรอยย่นบริเวณคาง ลดปัญหาคางสองชั้น ช่วยปรับรูปคางให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น
- ลดขนาดของปีกจมูก ทำให้เห็นสันแกนจมูกชัดเจนขึ้น
- การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยลดรอยย่นบริเวณหน้าอก ให้ดูตึง และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- ลดขนาดน่องให้ขาเรียวยาวสวย ในรายที่ขนาดขาค่อนข้างใหญ่จากกล้ามเนื้อบริเวณน่อง
- ช่วยคลายขนาดกล้ามเนื้อที่หดตัวให้เรียบตึงขึ้น
- ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง
- ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย
- การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยระงับกลิ่นกายได้ดี
- ช่วยกระชับรูขุมขนและลดการเกิดสิวบนใบหน้า
- ช่วยด้านการรักษา ได้แก่ การปวดไมเกรนหรือปวดศีรษะ ภาวะกล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรังหรือโรคออฟฟิศซินโดรม
การฉีด B-tox ไม่เหมาะกับใคร
B-tox เป็นโปรตีนหรือสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และใช้ด้านศัลยกรรมความงาม เช่น การฉีด B-tox เพื่อช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยปรับรูปหน้าและช่วยฟื้นฟูสภาพผิว การใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เป็นโบท็อกที่ได้มาตรฐานได้รับการรับรองจาก อย. และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์จึงปลอดภัย แต่การฉีด B-tox ก็มีข้อจำกัดและไม่เหมาะกับกลุ่มบุคคล ต่อไปนี้
- คนที่มีปัญหาเรื่องโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพองและการฉีดยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะการฉีด B-tox อาจทำให้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีความรุนแรงมากขึ้น
- คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อในการกลืน
- คนที่มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อก
- คนที่มีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด กรณีนี้อาจฉีดได้และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ก่อนฉีดควรรักษาโรคดังกล่าวให้หายดีก่อน
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ไม่ควรฉีด B-tox เพื่อป้องกันผลข้างเคียงไปสู่บุตร
- ผู้ที่เป็นโรคเลือด เลือดออกแล้วหยุดยาก
ฉีด B-tox อยู่ได้กี่เดือน
ปัจจุบัน B-tox ที่นิยมใช้เกี่ยวกับความสวยความงาม มีหลายยี่ห้อและมาจากหลายประเทศ คุณสมบัติของ B-tox แต่ละยี่ห้อรวมถึงคุณภาพก็จะแตกต่างกันไป และการฉีด B-tox ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้อยู่ในร่างกายของคนเราอย่างถาวร แต่จะมีระยะเวลาแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติของ B-tox แต่ละชนิด
B-tox หลังฉีดจะอยู่ได้นานกี่เดือน
การฉีด B-tox โดยอายุการออกฤทธิ์ของ B-tox หลังฉีดจะอยู่ได้นานกี่เดือนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ ดังนี้
1.ยี่ห้อของ B-tox
ปัจจัยแรกได้แก่ยี่ห้อของ B-tox แม้ B-tox แต่ละยี่ห้องที่ใช้ฉีดเพื่อความงาม จะมีมาตรฐานมีการรับรองจาก อย. หากเลือกชนิดที่มีความบริสุทธิ์สูงจะอยู่ในร่างกายได้นานกว่า โดยปกติแล้ว B-tox จะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน หรือมากกว่านั้น
2. ตำแหน่งที่ฉีด
ตำแหน่งที่ฉีดคือปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่ออายุการฉีด เพราะการฉีด B-tox จะอยู่ได้นานกี่เดือน นอกจากขึ้นอยู่กับยี่ห้อของ B-tox แล้ว ตำแหน่งหรือจุดที่ฉีดก็เป็นปัจจัยสำคัญ เช่น แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่ B-tox ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่ากล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น การฉีดบริเวณกราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับปริมาณ B-tox ที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่ในการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
เตรียมตัวอย่างไร ก่อนฉีด B-tox
- งดรับประทานยากลุ่มยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนฉีด B-tox เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำหลังฉีด
- งดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่มีผลที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำ สารสกัด จากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 7 วันก่อนการฉีด
- ก่อนการฉีด B-tox ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ
- ไม่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
ข้อปฏิบัติในการดูแลตนเองหลังฉีดB-tox
- หลังฉีด B-tox ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันที และบริหารกล้ามเนื้อเป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้โบท็อกกระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น
- ห้ามประคบเย็น เพราะจะขัดขวางการดูด B-tox เข้าเซลล์ประสาท
- หลังฉีด B-tox หลีกเลี่ยงการนอนราบอย่างน้อย 3 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพราะอาจจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามาก และส่งผลให้ B-tox ที่ฉีดกระจายไปบริเวณที่ไม่ต้องการมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า หรือ เลเซอร์ใบหน้า หลังการรักษาด้วย B-tox 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด
- หลีกเลี่ยงการกดคลึงใบหน้าบริเวณที่ฉีด B-tox หลังการรักษาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
สรุป
การฉีด B-tox ถือเป็นการศัลยกรรมความงามรูปแบบหนึ่ง ที่นอกจากช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น ฟื้นฟูบำรุงผิวพรรณ และปรับรูปหน้าให้สวยงาม หลังฉีดยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน มีความปลอดภัยสูง หากใช้ B-tox ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะ B-tox เป็นสารที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาและมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
คำถามน่ารู้ แก้ปัญหาคาใจ
1.ฉีด B-tox กี่วันเห็นผลและอยู่ได้นานกี่เดือน
- B-tox ที่มีคุณภาพหลังฉีดจะมีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 8 – 12 เดือน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ยี่ห้อและตำแหน่งที่ฉีด
- การฉีดเพื่อลดริ้วรอยจะเห็นผลภายใน 7-14 วัน
- การฉีดเพื่อลดกรามจะเห็นผลภายใน 14 -30 วัน
- การฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวจะเห็นผลภายใน 7 – 14 วัน
- B-tox ลดเหงื่อเช่นบริเวณรักแร้ จะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 14 วัน
2.หลังฉีด B-tox แต่งหน้าได้หรือไม่
- สามารถล้างหน้า แต่งหน้า ทาครีมหรือมาสก์หน้าได้ แต่ให้เว้นบริเวณรอยเข็มไว้ 1 คืน หลังจากนั้นแต่งหน้าได้ตามปกติ
3.การฉีดมีโอกาสแพ้ B-tox ได้หรือไม่
- การฉีด B-tox สำหรับบางคนอาจมีโอกาสแพ้ได้ แต่อาการไม่รุนแรง กินยาแก้แพ้ 2-3 วันก็หายได้
4. ฉีด B-tox แล้ว หน้าแข็ง ยิ้มยาก เกิดจากอะไร
- การฉีด B-tox แล้วหน้าแข็ง ยิ้มยาก หรือหน้าไม่เท่ากัน เกิดจากการเลือกคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ผู้ให้บริการไม่ได้เป็นแพทย์วิชาชีพที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง หรือ แพทย์ขาดประสบการณ์ฉีดผิดตำแหน่ง ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูไม่เป็นธรรมชาติ
5.การฉีด B-tox ต้องพักฟื้นกี่วัน
- การฉีด B-tox ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น แต่ต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดี
หากสนใจการฉีดโบท็อก(B-tox) สามารถดูรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ คลิ๊ก