วิธีดูแลหลังเสริมคาง มีอาการอย่างไร กี่วันหาย ห้ามกินและห้ามทำอะไรบ้าง

สารบัญ

สำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางไม่ได้รูป ต้องการเสริมคางให้รูปหน้ายาวขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนได้  โดยแพทย์จะวัดสัดส่วนของคางเดิม แล้วทำการเหลาตกแต่งซิลิโคนให้เข้ารูปพอดีกับฐานคางเดิม ช่วยให้ได้รูปทรงคางที่สวยตามความต้องการ ส่วนการดูแล อาการหลังเสริมคางกี่วันหาย ห้ามกินและห้ามทำอะไรบ้าง บทความนี้มีคำแนะนำ ค่ะ

วิธีดูแลหลังเสริมคาง

การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการทำศัลยกรรมเพื่อปรับรูปทรงคางให้ดูสวยงามและเข้ากับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น ส่วนผลลัพธ์หลังเสริมคางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเทคนิค และความเชี่ยวชาญของแพทย์ รวมถึงการดูแลตนเองอย่างถูกวิธีหลังเสริมคาง ที่สามารถทำได้ ดังนี้

  1. หลังผ่าตัดเสริมคาง เมื่อยาชาเริ่มหมดฤทธิ์อาจมีอาการปวด บวม ให้ประคบเย็นในช่วง 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม
  2. ควรนอนหงายศีรษะสูง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  3. งดเว้นการพูดคุยบ่อย ๆ หรือเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ ประมาณ 2 สัปดาห์
  4. ควรรับประทานอาหารอ่อนและนิ่ม เพื่อลดการกระทบกระเทือนของบาดแผล
  5. ควรบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเกลือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
  6. งดออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก ๆ อย่างน้อย  1 เดือน สามารถล้างหน้า และแต่งหน้าได้ตามปกติ ในกรณีที่หมอทำคางแผลใน
  7. ช่วง 7-14 วันแรกหลังผ่าตัดเสริมคาง ให้ใช้แปรงสีฟันของเด็กอันเล็ก ๆ แปรงฟันเบา ๆ ไปก่อน
  8. รับประทานยาฆ่าเชื้อที่แพทย์สั่งจนหมด
  9. พบแพทย์ตามนัด

หลังเสริมคาง มีอาการอย่างไร

หลังเสริมคาง ปัญหาที่พบจากการเสริมคางด้วยซิลิโคน เกิดขึ้นได้รูปแบบ เช่น คางเบี้ยว คางเป็นก้อน คางยื่นออกมามีลักษณะเป็นก้อน สังเกตเห็นรอยต่อของซิลิโคน และซิลิโคนเสริมคางใกล้ทะลุ โดยแต่ละปัญหาเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดเสริมคางอย่างไม่เหมาะสม หรือเกิดการกดทับ หรือแพทย์ขาดทักษะหรือเทคนิคการเสริมคางที่ดี

หลังเสริมคาง กี่วันหาย

การผ่าตัดเสริมคาง เป็นศัลยกรรมความงามที่ทำให้เกิดรอยแผล แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กแต่ก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังเสริมคางอย่างน้อย 3 วัน แต่มีข้อดีคือระหว่างพักฟื้นสามารถไปไหนมาไหนได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่กระทบกิจวัตรประจำวัน ส่วนทรงคางจะเข้าที่ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ระยะเวลาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

หลังเสริมคาง ห้ามกินและห้ามทำอะไรบ้าง

การผ่าตัดเสริมคาง รวมถึงศัลยกรรมอื่น ๆ มักมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทาน และ อาหารที่ห้ามรับประทาน รวมไปถึงข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องหลังเสริมคาง มีสิ่งที่ห้ามกินและห้ามทำ ดังนี้

อาหารที่ห้ามกิน

  1. อาหารที่ปรุงไม่สุก หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น  ปลาดิบ ลาบ  ก้อย เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจไม่สะอาดและนำเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล ทำให้แผลหายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  2. อาหารรสชาติจัด  เนื่องจากรสชาติความเผ็ด ร้อน ของอาหารจะไปกระตุ้นอาการอักเสบของแผล ส่งผลให้แผลไม่แห้ง และยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผลอีกด้วย
  3. อาหารหมักดอง เพราะมีสารปนเปื้อนที่อาจนำเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล นอกจากนั้น อาหารหมักดองจะมีรสชาติเค็ม อาจทำให้เกิดอาการบวมของแผลได้เช่นกัน
  4. อาหารทะเลบางชนิด เพราะบางคนอาจมีอาการแพ้อาหารทะเลโดยไม่รู้ตัว และอาการแพ้อาจก่อให้เกิดการคัน บวม อักเสบ ได้
  5. วิตามิน และอาหารเสริม เนื่องจากอาหารเสริม หรือ วิตามินบางชนิดมีส่วนประกอบของวิตามินอี น้ำมันปลา ยาแอสไพริน ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆที่อาจส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัด ทำให้เลือดแข็งตัว รนวมทั้งเพิ่มความบวมช้ำของแผล
  6. แอลกอฮอล์ ทุกชนิด เนื่องจากแอลกอฮอล์มีส่วนทำให้แผลหายช้า และ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

หลังเสริมคาง ห้ามทำอะไร

  1. ห้าม ใช้น้ำยาบ้วนปากทำความสะอาดโดยเฉพาะชนิดที่ผสมแอลกอฮอล์
  2. ห้ามนอนตะแคงในช่วงสัปดาห์แรกอาจจะเผลอนอนตะแคง หรือนอนคว่ำ มีโอกาสเสี่ยงต่อคางเบี้ยว หรือเอียงไปตามองศาของการนอนได้
  3. งดเท้าคาง และหลีกเลี่ยงการกดแรง ๆ บริเวณคาง  เป็นเวลา 3 เดือน
  4. งดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 1 เดือน
  5. ว่ายน้ำหรือดำน้ำอย่างน้อย  3 เดือน

ศัลยกรรมเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงคางให้ดูสวยงาม เข้ากับรูปหน้า ปัจจุบันสามารถทำได้หลายเทคนิควิธี ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีคางสั้นเล็ก ตาตัด คางป้าน หรือคางที่ไม่ได้สัดส่วน ส่วนผลลัพธ์หลังทำ จะได้รูปทรงคางที่มีความยืดหยุ่น ผิวสัมผัสดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับคางจริง ๆ ควรเลือกคลินิก และซิลิโคนเสริมคางที่ได้มาตรฐาน ศัลยแพทย์ที่ให้บริการมีความชำนาญ รวมทั้งการดูแลตนเองหลังเสริมคาง อย่างถูกวิธี และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เท่านั้น