ดูดไขมัน ปั้นหุ่นสวย กำจัดเซลลูไลท์ ไขมันหายไปเป็นลิตร ดูดได้ไม่จำกัดซีซีที่ เมโกะ คลินิก
“ ยุบจริง ลดจริง สวยจริง ” กระชับสัดส่วนให้สวย เป๊ะ ที่ เมโกะ คลินิก ดูแลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรม
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงาม ที่ใช้เทคนิคในการกำจัดไขมันส่วนเกิน ชั้นใต้ผิวหนัง ออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเฉพาะจุด ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก แม้ว่าจะควบคุมอาหาร และออกกำลังกายแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ก้น แขน หรือคอ แต่สิ่งที่ควรทราบคือ การนำไขมันออกไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก เป็นเพียงการปรับรูปร่าง สัดส่วน ให้ออกมาเป็นตามที่ต้องการ เช่น ในกรณีผู้หญิงที่ต้องการมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง เห็นเอวคอด บั้นท้ายเล็กลง ก็สามารถดูดไขมันช่วงหน้าท้อง หรือต้นขาได้ ในผู้ชายอาจต้องการลดไขมันหน้าท้อง เพื่อให้เห็นซิกซ์แพ็ก หรือกล้ามเนื้อท้องที่ชัดเจนขึ้น ก็สามารถใช้การดูดหน้าท้องช่วยได้เช่นกัน
Highlight เทคนิคดูดไขมันที่สำคัญ
ผู้ที่เข้ารับการบริการ อาจไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยจะใช้ระยะเวลาของขั้นตอนการทำประมาณ 2 ชั่วโมง โดยจะขึ้นอยู่กับประเภทของส่วนที่ดูด และหลังทำเสร็จอาจต้องสังเกตอาการอีกประมาณ 1 ชั่วโมง และควรทราบตั้งแต่ในเบื้องต้นก่อนว่า หลังจากดูดไขมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีน้ำไหลซึมออกจากแผลได้ นอกจากนั้น บริเวณที่ทำอาจจะเกิดอาการช้ำ บวม และมีความเจ็บปวด หลังการทำ แต่จะเป็นเพียงไม่กี่สัปดาห์
การดูดไขมัน คืออะไร
การศัลยกรรมเพื่อดูแลรูปร่างให้สวยสมส่วน มีหลายรูปแบบและทำได้หลายเทคนิควิธี “การดูดไขมัน” เป็นศัลยกรรมประเภทหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า เป็นการดูดไขมันเพื่อกำจัดเซลลูไลท์ และลดความอ้วน ความเข้าใจนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด เนื่องจากการดูดไขมันไม่ใช่วิธีหลักในการแก้ปัญหาของผู้ที่เป็นโรคอ้วน แต่การดูดไขมัน คือการกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ลักษณะเป็นการกำจัดไขมันเฉพาะจุด ที่ลดได้ยาก เช่น บริเวณใต้ผิวหนัง
ความหมายที่ถูกต้อง ของการดูดไขมัน จึงเป็นการทำศัลยกรรม เพื่อช่วยปรับรูปร่าง ทำให้สัดส่วนกระชับสวยได้รูป และมีส่วนเว้าส่วนโค้งตามต้องการ รวมทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่ต้องการลดไขมันหน้าท้อง เพื่อให้เห็นซิกซ์แพ็ก หรือเห็นกล้ามเนื้อท้องที่ชัดเจนขึ้น โดยเป็นการดูดไขมันด้วยพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ ด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 ทำให้ไขมันแตกตัวเป็นของเหลว ที่ง่ายต่อการดูดออกมา
ดูดไขมันหน้าท้องมีกี่วิธี ?
การมีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง ซึ่งนอกจากเป็นปัญหาต่อความสวยความงาม หาเสื้อผ้าใส่ยากแล้ว ยังส่งผลต่อบุคลิกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจในตนเอง การดูดไขมันหน้าท้อง เป็นการทำศัลยกรรมที่แก้ปัญหาได้ตอบโจทย์ สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การดูดไขมันทิ้ง และ การดูดไขมันหน้าท้องแบบเติมไขมัน ทั้ง 2 วิธีมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
1. การดูดไขมันหน้าท้องแบบทิ้ง
การดูดไขมันทิ้ง เป็นการกำจัดไขมันบริเวณหน้าท้องออกไป โดยไม่ได้นำเอาไขมันที่ดูดออกมาไปใช้ประโยชน์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดูดไขมันหน้าท้องแบบทิ้งจะเป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานความร้อน เนื่องจากสามารถสลายไขมันได้ดี และเครื่องดูดไขมันแบบทิ้งยังมีหลายรูปแบบ ที่ได้รับความนิยม คือเครื่อง Vaser Smooth 2.2 ซึ่งเครื่องนี้สามารถดูดไขมันเฉพาะส่วนได้ดี ซึ่งพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound Assisted Liposuction) จะช่วยให้ไขมันแตกตัวเป็นของเหลว ทำให้ง่ายต่อการดูดออกมา จุดเด่นของเครื่อง Vaser Smooth 2.2
- สามารถดูดไขมันออกมาทิ้งในปริมาณมากได้ในคราวเดียว
- การดูดไขมันหน้าท้องแบบทิ้งด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 ใช้เวลาไม่นาน
- เป็นเครื่องดูดไขมันพลังความร้อน ที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์เข้ามาช่วยสร้างความร้อน ในอุณหภูมิที่สูงกว่าเครื่องดูดไขมันทั่วไป
- สลายไขมันเร็วในปริมาณมาก เหมาะกับคนหน้าท้องใหญ่ โดยเฉพาะผู้ชายที่มีพุง
2. การดูดไขมันหน้าท้องแบบเติมไขมัน
การดูดไขมันหน้าท้องแบบเติมไขมัน เป็นการดูดไขมันแล้วนำไขมันส่วนนั้น มาเติมเต็มบริเวณจุดบกพร่อง และเนื่องจากการดูดไขมันหน้าท้องแบบเติม สามารถนำไขมันที่ดูดออกไปปลูกถ่ายที่ส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วย เช่น การฉีดไขมันหน้าผาก เพื่อปรับรูปหน้าผากให้สมส่วน หรือนำไปฉีดเติมเต็มในส่วนที่บกพร่อง ในการดูดไขมันจึงต้องคงความสมบูรณ์ของเซลล์ไขมันไว้ หรือทำให้ไขมันยังมีชีวิตอยู่ จะต้องใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ เท่านั้น จุดเด่นของเครื่องดูดไขมันชนิดนี้
- การดูดไขมันพลังงานน้ำ เป็นการใช้น้ำที่มีประกอบของยาชาและยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว โดยไม่มีพลังงานความร้อนในการสลายไขมัน ทำให้ไขมันมีเซลล์ที่สมบูรณ์และยังมีชีวิตอยู่
- เครื่องดูดไขมันด้วยพลังงานน้ำสามารถดูดไขมันและนำไขมันที่ได้มาใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มและแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างมีคุณภาพ
- การดูดไขมันด้วยพลังงานน้ำ ทำให้เซลล์ไขมันที่กระจุกตัวเกาะกลุ่มกัน มีการแตกตัวออกจากกัน และทำให้ถูกดูดออกมาได้อย่างอ่อนโยน
- ไม่เกิดอาการเจ็บปวด ระหว่างทำการดูดไขมัน แผลเล็ก บอบช้ำน้อย
- เซลล์ไขมันที่ได้จะมีสเต็มเชลล์ เมื่อนำไปเติมจะทำการฉีดไขมันได้ผลดี ไขมันติดเมาก ติดดี และติดได้ทนนาน
การดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 สามารถดูดไขมันได้เฉพาะส่วนได้ดี โดยเป็นการดูดไขมันที่ด้วยพลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound Assisted Liposuction) ทำให้ไขมันแตกตัวเป็นของเหลว ง่ายต่อการดูดออกมา ทั้งนี้ การดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser สามารถดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมากในคราวเดียว โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อข้างเคียงอย่างเส้นเลือดและเซลล์ประสาทบริเวณรอบ ๆ ได้รับความเสียหายหรือถูกกระทบกระเทือน อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดรอยฟกช้ำและบวมหลังการรักษา ทำให้แผลหายเร็ว ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
จุดเด่นของการดูดไขมัน ที่ เมโกะ คลินิก
- ดมยาสลบทุกเคส ไม่เจ็บ
- ปลอดภัย มีวิสัญญีแพทย์ดูแลทุกเคส
- แผลเล็ก แผลสวย
- ช้ำน้อย หายไว
- ปลอดภัย ห้องพยาบาลและเครื่องมือที่ใช้ทันสมัยได้มาตฐานระดับสากล
การเตรียมความพร้อมก่อนการทำ
ก่อนจะทำ ต้องมีการปรึกษาพูดคุยกับศัลยแพทย์ ถึงความคาดหวัง และเป้าหมายของการทำ มีการตรวจสอบประวัติ และตรวจสอบทางการแพทย์ต่าง ๆ และบอกกับศัลยแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา การใช้ยารักษาโรค อาหารเสริม หรือมีการใช้สมุนไพรชนิดใดหรือไม่
ศัลยแพทย์ของจะแนะนำให้หยุดใช้ยาบางชนิด เช่น ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือยาลดการอักเสบ (NSAIDs) ก่อนการเข้ารับการทำอย่างน้อย 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังป่วย อาจเป็นข้อห้ามในการทำ
ข้อห้ามในการดูดไขมัน
การนำไขมันออก เป็นหนึ่งในกระบวนการผ่าตัด ที่มาพร้อมกับความเสี่ยง ซึ่งผู้เข้ารับการทำต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี โดยที่อย่างน้อยต้องมีน้ำหนักตัว ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีผิวหนังที่เด้งกระชับ ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนั้น แพทย์จะไม่แนะนำให้ทำ หากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น การไหลเวียนโลหิต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การดูแลตัวเองหลังการทำ
การทำนั้น มีผลถาวรสำหรับไขมันที่ดูดออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็สามารถมีไขมันเพิ่มมาได้ใหม่ หรือมีน้ำหนักเพิ่มได้อีก หากไม่ดูแลการรับประทานอาหาร หรือการออกกำลังกายที่ดี หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องควบคุมการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่อไป หลังจากขั้นตอนการทำเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์อาจให้สวมใส่ชุดบีบกระชับสัดส่วน เป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เพื่อช่วยในการควบคุมอาการบวมที่เกิดขึ้น และอาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นในบางราย
ระยะเวลาในการพักฟื้น
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ทำจะสามารถกลับมาทำงานได้ภายในไม่กี่วัน และสามารถกลับมาทำกิจกรรม หรือใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์ แต่ระยะเวลาจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ
- เนื่องจากการทำนั้น คือการนำไขมันจำนวนมาก ออกไปภายในเวลารวดเร็ว ดังนั้นการเกิดอาการบวม ช้ำ เขียว จึงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่จะมากหรือน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- การสวมใส่สเตย์หรือชุดรัดกระชับ จะช่วยให้อาการบวมยุบเร็วขึ้น และยังช่วยพยุงร่างกายไว้ ไม่ให้กระทบกระเทือนบริเวณที่เป็นแผล นอกจากจะช่วยลดการบวมแล้ว ยังช่วยให้เจ็บน้อยลงเวลาเคลื่อนไหว
- ในผู้รับบริการบางราย เมื่อทำไปแล้วอาจทำให้ ผิวหนังบริเวณที่ถูกนำไขมันออกไปไม่เรียบ เหลือเป็นรอยลักษณะเป็นคลื่นอยู่ สาเหตุเกิดจากนำไขมันออกในชั้นผิวที่ไม่ลึกมากพอ หรือบางรายผิวอาจแข็ง เนื่องจากเนื้อเยื่อแข็งขึ้น แต่สามารถรักษาได้โดยการนวด ไม่ว่าจะเป็นนวดแผนไทยหรือนวดน้ำมัน หรือใช้เครื่อง RF รักษาร่วมด้วย
- สิ่งที่ควรระวังอีกข้อคือ การติดเชื้อของแผลผ่าตัด ควรรักษาแผลผ่าตัดให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ ในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการทำ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่แผลจะหายช้า หรือติดเชื้อหรือโรคแทรกซ้อนได้สูงกว่าคนทั่วไป
กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียน