สำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางไม่ได้รูป ต้องการเสริมคางให้รูปหน้ายาวขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสามารถผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนได้ โดยแพทย์จะวัดสัดส่วนของคางเดิม แล้วทำการเหลาตกแต่งซิลิโคนให้เข้ารูปพอดีกับฐานคางเดิม ช่วยให้ได้รูปทรงคางที่สวยตามความต้องการ ส่วนการดูแล อาการหลังเสริมคางกี่วันหาย ห้ามกินและห้ามทำอะไรบ้าง บทความนี้มีคำแนะนำ ค่ะ
วิธีดูแลหลังเสริมคาง
การผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการทำศัลยกรรมเพื่อปรับรูปทรงคางให้ดูสวยงามและเข้ากับรูปหน้า ทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น ส่วนผลลัพธ์หลังเสริมคางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเทคนิค และความเชี่ยวชาญของแพทย์ รวมถึงการดูแลตนเองอย่างถูกวิธีหลังเสริมคาง ที่สามารถทำได้ ดังนี้
- หลังผ่าตัดเสริมคาง เมื่อยาชาเริ่มหมดฤทธิ์อาจมีอาการปวด บวม ให้ประคบเย็นในช่วง 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม
- ควรนอนหงายศีรษะสูง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- งดเว้นการพูดคุยบ่อย ๆ หรือเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ ประมาณ 2 สัปดาห์
- ควรรับประทานอาหารอ่อนและนิ่ม เพื่อลดการกระทบกระเทือนของบาดแผล
- ควรบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเกลือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
- งดออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก ๆ อย่างน้อย 1 เดือน สามารถล้างหน้า และแต่งหน้าได้ตามปกติ ในกรณีที่หมอทำคางแผลใน
- ช่วง 7-14 วันแรกหลังผ่าตัดเสริมคาง ให้ใช้แปรงสีฟันของเด็กอันเล็ก ๆ แปรงฟันเบา ๆ ไปก่อน
- รับประทานยาฆ่าเชื้อที่แพทย์สั่งจนหมด
- พบแพทย์ตามนัด
หลังเสริมคาง มีอาการอย่างไร
หลังเสริมคาง ปัญหาที่พบจากการเสริมคางด้วยซิลิโคน เกิดขึ้นได้รูปแบบ เช่น คางเบี้ยว คางเป็นก้อน คางยื่นออกมามีลักษณะเป็นก้อน สังเกตเห็นรอยต่อของซิลิโคน และซิลิโคนเสริมคางใกล้ทะลุ โดยแต่ละปัญหาเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดเสริมคางอย่างไม่เหมาะสม หรือเกิดการกดทับ หรือแพทย์ขาดทักษะหรือเทคนิคการเสริมคางที่ดี
หลังเสริมคาง กี่วันหาย
การผ่าตัดเสริมคาง เป็นศัลยกรรมความงามที่ทำให้เกิดรอยแผล แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็กแต่ก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังเสริมคางอย่างน้อย 3 วัน แต่มีข้อดีคือระหว่างพักฟื้นสามารถไปไหนมาไหนได้ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่กระทบกิจวัตรประจำวัน ส่วนทรงคางจะเข้าที่ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน ระยะเวลาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
หลังเสริมคาง ห้ามกินและห้ามทำอะไรบ้าง
การผ่าตัดเสริมคาง รวมถึงศัลยกรรมอื่น ๆ มักมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาหารที่ควรรับประทาน และ อาหารที่ห้ามรับประทาน รวมไปถึงข้อห้ามต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องหลังเสริมคาง มีสิ่งที่ห้ามกินและห้ามทำ ดังนี้
อาหารที่ห้ามกิน
- อาหารที่ปรุงไม่สุก หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ปลาดิบ ลาบ ก้อย เนื่องจากอาหารเหล่านี้อาจไม่สะอาดและนำเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล ทำให้แผลหายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- อาหารรสชาติจัด เนื่องจากรสชาติความเผ็ด ร้อน ของอาหารจะไปกระตุ้นอาการอักเสบของแผล ส่งผลให้แผลไม่แห้ง และยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อของแผลอีกด้วย
- อาหารหมักดอง เพราะมีสารปนเปื้อนที่อาจนำเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล นอกจากนั้น อาหารหมักดองจะมีรสชาติเค็ม อาจทำให้เกิดอาการบวมของแผลได้เช่นกัน
- อาหารทะเลบางชนิด เพราะบางคนอาจมีอาการแพ้อาหารทะเลโดยไม่รู้ตัว และอาการแพ้อาจก่อให้เกิดการคัน บวม อักเสบ ได้
- วิตามิน และอาหารเสริม เนื่องจากอาหารเสริม หรือ วิตามินบางชนิดมีส่วนประกอบของวิตามินอี น้ำมันปลา ยาแอสไพริน ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆที่อาจส่งผลกระทบต่อแผลผ่าตัด ทำให้เลือดแข็งตัว รนวมทั้งเพิ่มความบวมช้ำของแผล
- แอลกอฮอล์ ทุกชนิด เนื่องจากแอลกอฮอล์มีส่วนทำให้แผลหายช้า และ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
หลังเสริมคาง ห้ามทำอะไร
- ห้าม ใช้น้ำยาบ้วนปากทำความสะอาดโดยเฉพาะชนิดที่ผสมแอลกอฮอล์
- ห้ามนอนตะแคงในช่วงสัปดาห์แรกอาจจะเผลอนอนตะแคง หรือนอนคว่ำ มีโอกาสเสี่ยงต่อคางเบี้ยว หรือเอียงไปตามองศาของการนอนได้
- งดเท้าคาง และหลีกเลี่ยงการกดแรง ๆ บริเวณคาง เป็นเวลา 3 เดือน
- งดออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 1 เดือน
- ว่ายน้ำหรือดำน้ำอย่างน้อย 3 เดือน
ศัลยกรรมเสริมคางด้วยซิลิโคน เป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงคางให้ดูสวยงาม เข้ากับรูปหน้า ปัจจุบันสามารถทำได้หลายเทคนิควิธี ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีคางสั้นเล็ก ตาตัด คางป้าน หรือคางที่ไม่ได้สัดส่วน ส่วนผลลัพธ์หลังทำ จะได้รูปทรงคางที่มีความยืดหยุ่น ผิวสัมผัสดูเป็นธรรมชาติเหมือนกับคางจริง ๆ ควรเลือกคลินิก และซิลิโคนเสริมคางที่ได้มาตรฐาน ศัลยแพทย์ที่ให้บริการมีความชำนาญ รวมทั้งการดูแลตนเองหลังเสริมคาง อย่างถูกวิธี และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เท่านั้น