ความหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัยเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัยหากขาดการบำรุงดูแลที่ดี นอกจากนั้นยังมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของคนเรา เพื่อให้รู้ทันปัญหาผิวพรรณ บทความนี้ เมโกะ คลินิก มีวิธีฟื้นฟูยกกระชับหน้า มาแนะนำค่ะ
ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ
ริ้วรอยเหี่ยวย่น ใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ ทั้งที่เกิดขึ้นก่อนวัยและริ้วรอยตามวัยจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อ ล้วนส่งผลต่อบุคลิกภาพ ทำให้หลาย ๆ คนขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งสำคัญยังทำให้ผิวหน้าดูอายุมากกว่าความเป็นจริง แต่ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพราะปัจจุบันมีเครื่องยกกระชับหน้า นวัตกรรมยกกระชับปรับรูปหน้าเรียว ช่วยให้สวยเยาว์วัยโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ต้องรู้ก่อนว่าปัญหาความหย่อนคล้อย และริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าของเราเกิดจากอะไร
สาเหตุปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ
การมีผิวพรรณที่สวย สดใส มีความเต่งตึงกระชับ เป็นเพราะโครงสร้างผิวมีการผลิตคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น มีส่วนในกระบวนการซ่อมแซมผิวหนัง และช่วยพยุงโครงสร้างของผิวหนังให้เต็งตึงอยู่เสมอ เมื่ออายุที่มากขึ้น โครงสร้างผิวของเริ่มอ่อนแอลง ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาผิวพรรณหย่อนคล้อยตามมา สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ
1.อายุที่มากขึ้น
ในแต่ละช่วงวัยการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินก็จะแตกต่างกัน เมื่ออายุเริ่มมากขึ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ให้ความชุ่มชื้นและทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นกับเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยให้ผิวหน้ายกกระชับ จะลดลง ความเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณและริ้วรอยต่าง ๆ แต่ละช่วงวัยจะเริ่มเห็นได้ชัดเจน เช่น
- อายุ 20 – 29 ปี ช่วงปลาย ๆ จะเริ่มมีริ้วรอยบาง ๆ รอบดวงตาเนื่องจากร่างกายจะสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้น้อยลง
- อายุ 30 ปีขึ้นไป โครงสร้างชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีปัญหาเพิ่มขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินลดลงมาก ผิวหนังเริ่มมีความแห้งกร้านร่วมกับความหย่อนคล้อย คนที่สนใจดูแลผิวพรรณตนเอง อาจเริ่มนวดหน้าด้วยมือ ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงเพื่อยกกระชับ และเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
- อายุ 40 ปีขึ้นไป ในช่วงวัยนี้ นอกจากร่างกายจะผลิตคอลลาเจนรวมทั้งอิลาสตินน้อยลงแล้ว การกักเก็บน้ำในชั้นผิวเริ่มเสื่อมลง ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อย และเริ่มเห็นชั้นคอเหี่ยว คอหย่อนคล้อยได้อย่างชัดเจน
- อายุ 50 ปีขึ้นไป ผิวหนังมีความหย่อนคล้อยมาก ชั้นไขมันหายไปทำให้ใบหน้าเหี่ยว ย่นกล้ามเนื้อบนใบหน้าอ่อนแอและยุบตัวลง
- อายุ 60 ปีขึ้นไป ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ผิวไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น โดยเฉพาะบริเวณลำคอเหี่ยว คอย่น และผิวหนังลำคอหย่อนคล้อย
2.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
เมื่ออายุมากขึ้นฮอร์โมนมีการการเปลี่ยนแปลง และผลิตได้น้อยลงเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังชั้นในเกิดความหย่อนคล้อย โครงสร้างผิวเสื่อมสภาพลงทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยตามมา
3.เกิดจากแสงแดด
รังสี UV จากแสงแดด คือสาเหตุสำคัญที่ให้ผิวอ่อนแอ เมื่อเผชิญแสงแดดบ่อย ๆ รังสี UV จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ เข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนังทำให้ผิวขาดความหยืดหยุ่น ใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ
4.การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ นอกจากร่างกายของเราได้พักผ่อน ในขณะที่นอนหลับร่างกายจะซ่อมแซมเซลล์ผิว กระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนที่สำคัญต่อโครงสร้างของผิว ทำให้ผิวเต่งตึงในทางตรงกันข้าม หากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อผิวพรรณ ใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ยกกระชับ คอเหี่ยว
5.ความเครียด
คนที่มีความเครียด มักแสดงสีหน้าทางอารมณ์ เช่น การขมวดคิ้ว หน้าบึ้ง นอกจากทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว ความเครียดยังทำให้ร่างกายหลังสาร Adrenaline ซึ่งสารตัวนี้จะมีผลต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ทำให้อวัยวะเสื่อมเร็วขึ้น
6. การออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักอย่างผิดวิธี
การออกกำลังกายอย่างหักโหม หรือต้องการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน จนเกิดการลดสัดส่วนลงในเวลาอันสั้น สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวหน้าเหี่ยวย่นมีความหย่อนคล้อยไม่กระชับได้ เนื่องจากมีการลดไขมันที่เร็วเกินไป ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น
7. ขาดการบำรุงดูแลสภาพผิว
ผิวพรรณที่ขาดการบำรุงดูแลอย่างสม่ำเสมอ เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ผิวพรรณไม่แข็งแรง การบำรุงผิวพรรณตั้งแต่ยังไม่เกิดปัญหา โดยดูแลตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก เช่น เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิวเป็นประจำ นอกจากป้องกันปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้าและคอ ยังช่วยเผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสขึ้น
การยกกระชับหน้า ทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง
ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย เหี่ยวย่น จากอายุที่มากขึ้นหรือผิวสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ปัจจุบันการยกกระชับ ทำให้ผิวหน้าเต็งตึงกระชับขึ้นทำได้ไม่ยาก และมีหลากหลายเทคนิควิธีให้เลือก เช่นการผ่าตัดดึงหน้า ยกกระชับใบหน้าด้วยหัตถการทางการแพทย์ และกระชับหน้าด้วยเทคโนโลยีทาง
การแพทย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยให้แก้ปัญหาริ้วรอยความหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ละเทคนิควิธีก็จะเหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคล ดังนี้
1.การผ่าตัดดึงหน้า
ผ่าตัดดึงหน้าเป็นการศัลยกรรมช่วยยกกระชับผิวให้กับคนมีปัญหาความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอยความหย่อนคล้อยจากวัยที่มากขึ้น เนื่องจากปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าค่อนข้างมาก ศัลยแพทย์จะทำการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง พร้อมทั้งดึงกล้ามเนื้อให้กระชับ ช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ได้อย่างเห็นผล
2.การดึงหน้าด้วยหัตถการทางการแพทย์
หัตถการทางการแพทย์ หรือหัตถการความงาม หมายถึง การเสริมความงามด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่ต้องทำโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ มีหลายประเภท เช่น การฉีดสารยกกระชับ เลเซอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหม หรืออื่น ๆ รวมถึงวิธียกกระชับหน้าง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง อย่างเช่น นวดกระชับใบหน้า นวดหน้าด้วยมือ
3.กระชับหน้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์
ปัจจุบันการยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์มีอยู่มากมาย ที่สามารถช่วยเเก้ปัญหาผิวหน้าความหย่อยคล้อยให้เต็งตึง ยกกระชับ ได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว เช่น การทำ hifu หรือ แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับด้วยการทำ Ultrasound
การยกกระชับหน้าด้วยการทำ Ultrasound คืออะไร
เทรนด์การยกกระชับใบหน้าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันได้แก่ การทำ Ultrasound หรือ อัลเทอร่า นวัตกรรมยกกระชับหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่มีการฉีดตัวยาใด ๆ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ หลังทำไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น และสามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
การทำ Ultrasound ยกกระชับหน้าได้อย่างไร
Ultrasound หรือ อัลเทอร่า คือ เทคโนโลยียกกระชับที่นำคลื่นความถี่สูง และมีความเฉพาะเจาะจง ยิงลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้ผิวเกิดการยกกระชับขึ้น โดยเครื่อง อัลเทอร่าจะปล่อยพลังงานคลื่นเสียงออกมาเป็นจุดเล็ก ๆ ใต้ชั้นผิวหนังในชั้นต่าง ๆ ได้แก่ ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมันระดับตื้นใต้ผิวหนัง และชั้น SMAS ซึ่งจุดรวมของความร้อนที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อชั้น SMAS ใหม่ที่แข็งแรง ส่งผลให้เกิดการยกตัวของผิวหนังบริเวณใบหน้า อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการสร้าง คอลลาเจล และอิลาสตินในปริมาณที่มากขึ้น จึงช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ ได้อย่างเห็นผลโดยไม่ต้องผ่าตัด
การทำ Ultrasound ยกกระชับหน้า เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ประสบปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย และลำคอหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการกระชับผิวปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก หนังตาตก ขอบตาล่างหย่อนยาน
- กระชับผิวบริเวณใต้คาง และรักษารอยย่นบริเวณคอ
- ผู้ที่มีเนื้อใต้คางมาก และต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวแบบ V Shape
- ผู้ที่มีปัญหา ร่องแก้มลึก มุมปากตก
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แต่ต้องการฟื้นฟูผิวให้แน่นกระชับเปล่งปลั่ง เพราะการทำ Ultrasound ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชั้นลึกได้
Ultrasound ทำบริเวณไหน ช่วยอะไรได้บ้าง
- การทำ Ultrasound บริเวณใบหน้า เพื่อช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น ยกกระชับหน้าเรียว และลดปัญหาความย่อนคล้อยบนใบหน้า
- Ultrasound บริเวณใต้คาง และลำคอ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิว ลดปัญหาเหนียงใต้คาง และผิวที่หย่อนคล้อย
- ทำ Ultrasound บริเวณเนินอก ช่วยให้มีเนินอก และได้อกที่ตึงกระชับ
- Ultrasound บริเวณท้องแขน และ หน้าท้อง ช่วยเพิ่มความกระชับ ลดความย้วยและหย่อนคล้อยของผิว
การเตรียมตัวก่อนทำ Ultrasound
การทำอัลเทอร่า หรือ Ultrasound ผู้รับบริการไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมาก ไม่มีข้อห้ามในการทำ เพียงเข้ามาพบแพทย์ เพื่อปรึกษาแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ โรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด หรือเคยมีการศัลยกรรมอื่น ๆ บนใบหน้า หากแพทย์พิจารณาแล้วเหมาะสมที่จะทำ ก็สามารถทำได้เลย
อาการหลังทำ Ultrasound และการดูแลตนเอง
อาการหลังทำ Ultrasound ผู้รับบริการสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงจากการทำอย่างชัดเจน โดยผิวหน้าจะยกกระชับหน้าขึ้นประมาณ 30% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะค่อย ๆ เห็นผลขึ้นเรื่อย ๆ ช่วง 3 เดือนแรกหลังทำ อาการที่เกิดขึ้นได้หลังทำและการปฏิบัติตัวทำได้ ดังนี้
- อาการบวม ถือเป็นเรื่องปกติของการทำ Ultrasound และอาการบวมจะหายภายใน 2-3 วัน
- บางรายอาจรู้สึกบวมใต้ผิว ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เมื่อลองกดลงไปบริเวณที่ทำ Ultrasound จะรู้สึกเจ็บ อาการนี้สามารถหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์
- หลังทำ Ultrasound ควรงดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือความร้อนหลังทำ 4-5 วัน หากต้องเผชิญแสงแดด หรืออยู่กลางแจ้งควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้การทำ Ultrasound ได้ผลลัพธ์ที่ดี
ข้อดี ของการยกกระชับหน้าด้วยการทำ Ultrasound
- เป็นการยกกระชับหน้า ยกกระชับหน้าเรียว และแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่กระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่เกิดรอยแผล
- การทำ Ultrasound ยกกระชับ สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดขึ้น ในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
- การทำ Ultrasound ยกกระชับหน้า ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี โดยผลลัพธ์ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลรักษาหลังการทำ
- การทำ Ultrasound ยกกระชับ หากทำตั้งแต่เพิ่งเริ่มมีปัญหาหรือมีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย จะสามารถช่วยชะลอความหย่อนคล้อยของผิวหน้าได้
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถแต่งหน้า หรือทาครีมกันแดด และใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อเสีย ของการยกกระชับหน้าด้วยการทำ Ultrasound
การทำ Ultrasound เพื่อแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยและยกกระชับ ขณะทำอาจรู้สึกเจ็บ เหมือนมีหนามเล็ก ๆ แทงลงบนผิว แพทย์อาจใช้ยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ปัจจุบันคลินิกความงามได้มีการพัฒนาโปรแกรมทำให้รู้สึกเจ็บปวดน้อยลง แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและผลลัพธ์การรักษาที่ดี เช่น การให้บริการของยกกระชับปรับรูปหน้า จาก เมโกะคลินิก
สรุป
ปัจจุบันการแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คอเหี่ยว หน้าไม่ยกกระชับ มีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยยกกระชับผิว ยกกระชับหน้าเรียว การทำ Ultrasound ก็เป็นหนึ่งในนวัตกรรมความงามที่กำลังเป็นเทรนด์นิยม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนตั้งแต่ทำครั้งแรก สำหรับใครที่สนใจทำ Ultrasound เมโกะคลินิก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์มายาวนานในการใช้เครื่องมือแท้ทันสมัย รวมทั้งเลือกใช้เครื่อง อัลเทอร่า ที่ผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) สามารถตรวจสอบได้