การผ่าตัดเสริมหน้าอก เป็นศัลยกรรมความงามรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแต่ละบุคคลก็มีหลายเหตุผลในการเสริมหน้าอก ทั้งช่วยเพิ่มสัดส่วนทำให้รูปร่างมีส่วนเว้าส่วนโค้งสวยงามน่ามองแล้ว การศัลยกรรมเสริมหน้าอกยังเสริมสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ อีกทั้งบ่งบอกเพศสภาพได้ชัดเจนสำหรับเพศที่สามที่หัวใจเป็นหญิง ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมหลายคนอาจมีคำถาม ศัลยกรรมหน้าอกมีกี่แบบ หรือควรเตรียมตัวก่อนและหลังเสริมอย่างไร Meko Clinic มีคำแนะนำ ค่ะ
ข้อควรรู้ก่อนเสริมหน้าอก ศัลยกรรมหน้าอก
ศัลยกรรมหน้าอกที่ได้ขนาดและรูปทรงสวยงามสามารถช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับสรีระของผู้หญิงได้ และการผ่าตัดเสริมหน้าอกให้ได้รูปแบบหน้าอกที่สวยงาม เหมาะสมกับรูปร่างของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ส่วนสูง ความยืดหยุ่นต่างๆ ทำให้กล้าที่จะใส่เสื้อผ้าทุกแบบได้อย่างมั่นใจ แต่การศัลยกรรมเสริมหน้าอกให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ได้เนินอกที่สวย นิ่มและเป็นธรรมชาติ มีข้อควรรู้ที่จะทำให้อกสวยและปลอดภัยระยะยาว ดังนี้
1. เสริมหน้าอกแบบไหนดี
จุดประสงค์หลักของทุกคนที่ต้องการศัลยกรรมหน้าอก ได้แก่ การผ่าตัดตกแต่งเพื่อช่วยปรับขนาดหน้าอกให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมีรูปทรงที่สวยงามตามสรีระของร่างกาย หรือคนที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย นอกจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกแล้ว ยังเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงหน้าอกที่หย่อนคล้อยให้กลับมาดูดีได้ และการผ่าตัดเสริมหน้าอกมีเทคนิคที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและรู้ว่าควรเลือกเสริมหน้าอกแบบไหนดี ก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอกเพื่อเลือกรูปแบบหน้าอกให้เหมาะกับสรีระหรือตอบโจทย์ปัญหา ต้องรู้ปัญหาเกี่ยวกับหน้าอกของตนเองเสียก่อน
ปัญหาที่ทำให้ต้องเสริมหน้าอก
- ปัญหาเนินหน้าอกไม่เต็ม การผ่าตัดเสริมหน้าอกก็เพื่อต้องการให้หน้าอกอวบอิ่ม
- ปัญหาหน้าอกเล็กที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ต้องการศัลยกรรมหน้าอกเพื่อเพิ่มขนาด
- หน้าอกแบนราบ กรณีนี้เป็นปัญหาของเพศที่สาม ที่ต้องการเสริมหน้าอกเพื่อบ่งบอกเพศสภาพให้ชัดเจนขึ้น
- ปัญหาของคุณแม่ลูกอ่อน ที่เนินหน้าอกหายเพราะให้นมลูก
- กรณีมีหน้าอกอยู่แล้ว แต่หน้าอกไม่ได้รูปทรงหรือมีสัดส่วนไม่เหมาะสมกับสรีระ ทำให้แต่งตัวแล้วไม่สวยงาม ต้องการผ่าตัดเสริมหน้าอกและตกแต่งหน้าอกให้ได้รูปทรงที่สวยงาม
- ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย เนื่องจากอายุมากขึ้น ต้องการผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงหน้าอกให้เต็งตึงหรือยกกระชับ
- ปัญหาของคนที่เคยเป็นมะเร็งเต้านม เคยตัดเต้านมมาแล้ว ต้องการผ่าตัดเพื่อเสริมสร้างเต้านมใหม่
การเสริมหน้าอกมีกี่แบบ
การผ่าตัดเสริมหน้าอกของแต่ละบุคคล นอกจากเรื่องของความสวยงามและปัญหาที่ทำให้ต้องเสริมหน้าอก ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปแล้ว ปัจจัยหรือองค์ประกอบของตัวบุคคลก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องเลือกรูปแบบ เลือกเทคนิคในการผ่าตัด หรือเลือกวัสดุที่ใช้ตกแต่งและเสริมหน้าอกที่แตกต่างกัน การศัลยกรรมเสริมหน้าอกของแต่ละบุคคล จึงต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้ศัลยกรรม โดยทั่วไปการเสริมหน้าอกมีอยู่ 3 รูปแบบ ดังนี้
- การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน คือการใช้เต้านมเทียม หรือซิลิโคนเสริมหน้าอกใส่เข้าไปในหน้าอก เพื่อให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น
- การฉีดไขมันหน้าอก เป็นการดูดไขมันของตนเองมาใช้ในการเสริมหน้าอก ผลลัพธ์ที่ได้หน้าอกจะสวยเป็นธรรมชาติ เหมือนหน้าอกจริง แต่จะไม่สามารถเพิ่มขนาดให้ใหญ่มากๆได้ในครั้งเดียว
- การเสริมหน้าอกไฮบริด เป็นการเสริมหน้าอกด้วยเทคนิคใหม่ โดยการใช้วิธีการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนและการเสริมหน้าอกด้วยการเติมไขมันหน้าอกมาใช้ร่วมกัน ซึ่งเทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการได้ขนาดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น ข้อดีคือการเสริมด้วยซิลิโคนเป็นการเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และต้องการความเป็นธรรมชาติสูงด้วยการใช้ไขมันของตนเอง
ขนาดหน้าอกเลือกให้เหมาะกับตัวเรา
การผ่าตัดเสริมหน้าอก เพื่อให้ได้ส่วนเว้าส่วนโครงที่สวยงามและเป็นการเสริมหน้าอกที่ดี ไม่ใช่เพียงการเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเสริมหน้าอกที่เข้ากับสรีระและโครงสร้างของร่างกายเป็นหลัก วิธีเลือกขนาดของหน้าอกให้เหมาะกับตนเองหรือเลือกขนาดว่าควรทำกี่ CC พิจารณาหรือประเมินได้จากสิ่งต่อไปนี้
- โครงสร้างหน้าอก คนเรามีรูปร่างและโครงสร้างหน้าอกแตกต่างกัน การเสริมหน้าอกให้ได้รูปทรงสวย เหมาะสมกับสรีระ หรือมีขนาดใหญ่ตามความต้องการ แพทย์ผู้ศัลยกรรมจะพิจารณาจากโครงสร้างของหน้าอกเป็นหลัก
- ประเมินจากความกว้างของซี่โครง การผ่าตัดเสริมหน้าอกสำหรับขนาดของเต้านมเทียม แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ศัลยกรรม แต่การเลือกขนาด CC ที่เหมาะสม ยังขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยพิจารณาได้จากความกว้างของซี่โครง
- รูปร่างและรูปทรงของร่างกาย การเลือกขนาดของหน้าอกว่าควรทำกี่ CC เพื่อให้ได้หน้าอกที่สวยงาม เหมาะสม ส่วนหนึ่งยังพิจารณาหรือประเมินได้จากรูปร่างและรูปทรงของร่างกาย เพราะความโดดเด่นดูดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดหน้าอกเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสรีระร่างกายอีกด้วย
- ความสูงและเนื้อเดิมที่มี วิธีเลือกขนาดของหน้าอกให้เหมาะกับตนเอง นอกจากประเมินได้จากหลายๆปัจจัยแล้ว ความสูงและเนื้อเดิมที่มีก็เป็นส่วนหนึ่งที่แพทย์จะต้องนำมาพิจารณา เนื่องจากบางรูปทรงและขนาดของหน้าอกแม้จะเป็นสิ่งที่ผู้ศัลยกรรมต้องการ แต่หากทำแล้วไม่สมดุลเหมาะสม มีความยุ่งยากและฝืนธรรมชาติ แพทย์จะให้คำแนะนำปรึกษาในการเลือกขนาดและรูปทรงที่เหมาะสม
2. เสริมหน้าอกแบบฉีดไขมัน
การเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมตกแต่งและเพิ่มขนาดหน้าอกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น มีหลายเทคนิควิธีให้เลือกใช้ รวมทั้งการเลือกวัสดุเพื่อช่วยเพิ่มขนาดของหน้าอก ก็มีให้เลือกตามความเหมาะสมของสรีระและรูปร่างของผู้ศัลยกรรม การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง เป็นอีกหนึ่งเทคนิควิธีที่ได้รับการยอมรับเพื่อช่วยอัพไซน์เพิ่มขนาดหน้าอก
การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันคืออะไร
การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน เป็นการเสริมหน้าอกโดยการใช้ไขมันส่วนเกินของตนเองมาฉีดเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และไขมันส่วนเกินที่นำมาฉีดเพื่อเพิ่มขนาดหน้าอก นิยมใช้ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องหรือต้นขา แต่การเพิ่มขนาดอาจไม่ได้รูปทรงหน้าอกที่ใหญ่เท่ากับการเสริมด้วยซิลิโคน แต่ให้ความเป็นธรรมชาติได้มาก
เสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่หน้าอกมีขนาดเล็ก หรือขนาดปานกลาง ที่ต้องการเพิ่มขนาดของหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นและดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
- คนที่มีปัญหาขนาดหน้าอกทั้งสองข้างไม่เท่ากันหรือหน้าอกไม่เป็นทรง
- เหมาะกับผู้หญิงหรือเพศที่สาม ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอก พร้อมผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติเพื่อให้ได้หน้าอกสวย นิ่มและยืดหยุ่น
- คนที่ต้องการศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอก แต่ไม่ต้องการให้มีแผลเป็นหลังเสริมหน้าอก
- เหมาะกับผู้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกไม่ได้รูปทรง ทำให้มีปัญหาในการแต่งตัวหรือเลือกสวมใส่เสื้อผ้าได้ยาก สวมใส่เสื้อผ้าไม่สวย
- คนที่ไม่ต้องการเสริมหน้าอกซิลิโคน เช่น คนที่แพ้ซิลิโคน
- คนที่เคยเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมาแล้ว แต่ต้องการให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
ข้อดีและข้อจำกัดของการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน
- ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันเป็นการเสริมขนาดหน้าอกที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
- ข้อดีเป็นไขมันของตนเอง เพียงย้ายไขมันจากส่วนหนึ่งไปสู่ส่วนหนึ่ง จึงไม่มีผลกระทบต่อร่างกายและเมื่อผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเซลล์ไขมันเดิมแล้วก็จะอยู่ได้นานตามธรรมชาติ
- ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกแล้ว ยังช่วยลดสัดส่วนจากบริเวณส่วนเกิน ทำให้สัดส่วนไม่พึงประสงค์ลดลงและรูปร่างโดยรวมดีขึ้น
- ข้อจำกัด ผู้ที่ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยจะไม่สามารถเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ได้
- ข้อจำกัด คือไม่สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่มากๆได้
3. เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
ปัจจุบันการผ่าตัดเสริมหน้าอก เป็นศัลยกรรมความงามที่ได้รับการยอมรับ รวมทั้งมีเทคนิควิธีที่ดีทำให้ได้รูปทรงหน้าอกและขนาดหน้าอกที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย หากเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ การผ่าตัดเพิ่มขนาดหน้าอกโดยการใส่ถุงเต้านมเทียมหรือซิลิโคนเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนคืออะไร
ซิลิโคนเสริมหน้าอก คือสารเคมีชนิดหนึ่งที่สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย รวมไปถึงการนำมาใช้เพื่อเป็นถุงเต้านมเทียมหรือที่นิยมเรียกกันว่าซิลิโคน การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเป็นการใช้เต้านมเทียมหรือซิลิโคนใส่เข้าไปบริเวณหน้าอก เพื่อให้หน้าอกมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังการศัลยกรรม
ถุงซิลิโคนและสารในถุงซิลิโคน (เต้านมเทียม)
ในปัจจุบันถุงซิลิโคนหรือถุงเต้านมเทียม มีความทนทานและปลอดภัยสูง เปลือกภายนอกมีความแข็งแรงและมีชั้นป้องกันการซึมผ่านลดโอกาสเกิดการซึมของสารที่อยู่ภายใน เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สำหรับสารในถุงเต้านมเทียม นิยมใช้งานอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ถุงน้ำเกลือและถุงซิลิโคนเจล โดยทั้งสองชนิดมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกัน ดังนี้
- ถุงน้ำเกลือ คือถุงเต้านมเทียมที่ภายในถุงบรรจุด้วยน้ำเกลือ ซึ่งเป็นสารที่ไม่เป็นอันตราย เพราะหากรั่วออกมา ร่างกายของคนเราก็สามารถดูดซึมกลับไปได้ทั้งหมด
- ถุงซิลิโคนเจล เป็นถุงเต้านมเทียมที่ภายในบรรจุด้วยเจล ซึ่งเป็นซิลิโคนเหลวคุณภาพสูงให้สัมผัสที่นุ่มหยุ่นเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยในการใช้
เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเหมาะกับใคร
- เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ขนาดใหญ่ขึ้นหลายไซส์ในครั้งเดียว
- เหมาะกับคนหน้าอกเล็ก ที่ต้องการให้หน้าอกใหญ่ขึ้น
- เหมาะกับคนที่หน้าอกหย่อนคล้อย ไม่สวยได้รูปทรง การผ่าตัดเสริมหน้าอก นอกจากช่วยแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยแล้ว ยังเพิ่มขนาดหน้าอกให้สวย โดดเด่นยิ่งขึ้น
- คนอ้วนที่ลดน้ำหนักมากๆทำให้หน้าอกเสียรูปทรง การเสริมหน้าอกด้วยซิโคน ทำให้ได้รูปทรงหน้าอกที่สวยงาม เหมาะสมกับสรีระและรูปร่าง
- การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน เหมาะกับผู้ที่ขาดความมั่นใจเรื่องรูปร่าง แต่งตัวยากสวมใส่เสื้อผ้าแล้วไม่สวย เนื่องจากหน้าอกไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม เช่น อกชิด อกห่าง มากเกินไป
ข้อดีและข้อจำกัดของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
- ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน สามารถเลือกขนาดตามที่ต้องการได้เลย
- การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน สามารถทำร่วมกับการฉีดไขมันหน้าอกเฉพาะที่ได้ กรณีเป็นคนที่เนื้อหน้าอกน้อย
- ข้อดีคือของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ให้รูปทรงที่เป็นธรรมชาติ มีให้เลือกหลายรูปทรงและหลายไซน์
- ข้อจำกัด การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนในรายที่มีเนื้อหน้าอกน้อยอาจจะเลือกขนาดซิลิโคนได้ไม่ใหญ่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงการตึงของเต้านมและการเห็นขอบซิลิโคน
- ข้อจำกัดของการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน บางรายร่างกายอาจต่อต้านสิ่งแปลกปลอมทำให้เกิดการแพ้ หรือมีพังผืดรัดซิลิโคนได้
4. ซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอก
ซิลิโคนเสริมหน้าอกถือเป็นวัสดุที่มีความปลอดภัยและนิยมใช้ในการศัลยกรรมเสริมหน้าอก เนื่องจากได้รับการพิสูจน์แล้วว่าซิลิโคนเมื่อใส่ในร่างกายจะไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ถุงซิลิโคนสามารถอยู่ในร่างกายของคนเราได้ตลอดชีวิต กรณีที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกมีขนาดและความนูนหลายระดับการเลือกซิลิโคนเสริมอก จะขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ สภาพร่างกาย และการพิจารณาของแพทย์ ซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกมีหลายขนาด ดังนี้
- ขนาด 200 cc เป็นการเสริมหน้าอกขนาด 1 คัพ และทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกเพียงเล็กน้อย ให้ดูเป็นธรรมชาติ
- ขนาด 250 cc เป็นการเพิ่มขนาดจาก คัพ เอ มาเป็น คัพ บี หรือเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นแต่ไม่มาก
- ขนาด 300 cc เป็นการเพิ่มหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ พอดีกับสรีระ ดูสวย ดูกระชับ และไม่ใหญ่เกินไป เหมาะกับผู้ที่หน้าอกเล็กแต่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอก และต้องการให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างได้อย่างชัดเจน
- ขนาด 350 cc การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนคัพนี้ ยังให้รูปทรงและขนาดที่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับสาวๆที่มีหน้าอกคัพ เอ เมื่อเสริมซิลิโคนขนาด 350 cc เป็นการเพิ่มขนาดหน้าอกให้เป็นคัพ ซี
- ขนาด 400 cc เป็นขนาดซิลิโคนที่เหมาะกับคนที่มีเนื้อหน้าอกมาก แต่กับคนที่รูปร่างเล็ก อาจไม่เหมาะเพราะจะทำให้หน้าอกดูใหญ่เกินไปไม่สมส่วนกับรูปร่างและสรีระ
- ขนาด 500 cc เป็นรูปแบบและขนาดหน้าอกที่ใหญ่มากโดยเฉพาะกับรูปร่างสาวไทย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมีหน้าอกที่อวบอิ่ม แต่งตัวหรือสวมใส่เสื้อผ้าแล้วดูสวย เห็นหน้าอกชัด ร่องหน้าอกชิด ดูเซ็กซี่
5. ซิลิโคนเสริมหน้าอก มีกี่แบบ
ซิลิโคนเสริมหน้าอก ที่นิยมใช้มีด้วยกันหลายแบรนด์ และมี 2 รูปทรงหลักๆ ซึ่งในแต่ละแบรนด์อาจมีความแตกต่างกัน ตามการพัฒนาของแต่ละบริษัท แต่พื้นฐานในการพัฒนามาจากรูปทรง ซิลิโคนเสริมหน้าอกมาจาก 2 รูปทรง ดังนี้
1. ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม
มีลักษณะทรงกลมแต่จะมีความโค้งมน คล้ายซาลาเปา ฐานกว้าง มีหลายขนาด ทั้งแบบพุ่งมากหรือพุ่งน้อย เหมาะกับคนที่มีโครงไหล่กว้าง เมื่อเสริมหน้าอกแล้วจะรู้สึกว่าเต้านมขยายโดยรอบ เห็นผลชัดเจน ข้อดีของซิลิโคนทรงกลม จะช่วยให้หน้าอกดูอิ่มแน่นตั้งแต่เนินอกลงไปถึงเต้านมส่วนล่าง
2. ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ
มีลักษณะคล้ายเต้านมธรรมชาติ ขณะยืนจะมีความหย่อนคล้อยเล็กน้อยตามแรงโน้มถ่วงแต่ไม่ยาน ทำให้ดูธรรมชาติมากกว่าแบบกลม เป็นรูปทรงซิลิโคนที่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย เนินน้อยและคนโครงไหล่เล็ก ตัวสูง เมื่อเสริมหน้าอกทรงนี้จะทำให้ดูสมส่วนกับสรีระดั้งเดิม
6. วิธีเลือกซิลิโคนให้เหมาะสม
การศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน แม้ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกจะมีรูปแบบของซิลิโคนหรือมีขนาดของซิลิโคนไว้แล้ว แต่การผ่าตัดเสริมหน้าอกให้ได้หน้าอกที่ได้รูปสวย มีความยืนหยุ่นเป็นธรรมชาติเหมาะสมกับรูปร่างและสรีระ ขึ้นอยู่กับคลินิกและศัลยแพทย์ผู้ให้บริการที่จะประเมินให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกชนิดของซิลิโคน ดูขนาดทรวดทรงว่าควรเสริมประมาณกี่ cc จึงจะดูสวยงามเหมาะสม ดังนั้นวิธีเลือกซิลิโคนที่ดี มีความปลอดภัย เสริมแล้วเหมาะสมกับรูปร่าง จึงขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิกและเทคนิคของแพทย์เป็นสำคัญ
เมโกะ คลินิก เป็นศูนย์ศัลยกรรมความงาม ที่ดูแลการผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมหน้าอกโดยเฉพาะ มีวิสัญญีแพทย์ดูแลทุกเคสใช้ซิลิโคนของแท้ มีใบรับประกัน ซิลิโคนเสริมหน้าอกที่เมโกะคลินิกเลือกใช้ คือ ซิลิโคน Motiva ข้อดีของ ซิลิโคน Motiva ได้แก่
- Motiva เป็นซิลิโคนเสริมหน้าอกที่มีคุณภาพ และโด่งดังจนเป็นอันดับ 1 ในวงการศัลยกรรมเสริมหน้าอกของเกาหลี
- เป็นซิลิโคนที่มีความโดดเด่นด้วยผิวสัมผัสเเบบ Nano Texture
- รูปทรงของซิลิโคนที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า
- สัมผัสนุ่มพิเศษเป็นธรรมชาติคล้ายกับหน้าอกจริง
- มีความปลอดภัยหมดกังวลเรื่องอันตรายจากปัญหาซิลิโคนรั่ว
- เป็นวัสดุเสริมระดับพรีเมี่ยมรูปทรงมีความถ่วงสมดุลเข้ากับสรีระ
7. กระบวนการผ่าตัดเสริมหน้าอก
กระบวนการผ่าตัดเสริมหน้าอก หรือเทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก ซึ่งแต่ละเทคนิคก็จะให้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นต่างกัน โดยทั่วไปการศัลยกรรมเสริมหน้าอกใช้ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 2-4 ชั่วโมง โดยมีกระบวนการและขั้นตอนดังนี้
- ให้คนไข้ดมยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์เพื่อความสะดวกในการผ่าตัด
- หลังจากนั้นแพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลที่รักแร้ ปานนม หรือใต้ราวนม แล้วแต่ว่าจะตกลงกับคนไข้ว่าอย่างไร
- วางซิลิโคนตามตำแหน่งที่เหมาะสม
- เย็บแผลผ่าตัด ก่อนปิดแผลอาจทำการวางท่อระบายผ่านผิวหนังไว้เพื่อช่วยป้องกันการสะสมของเลือดหรือของเหลว ซึ่งท่อระบายนี้จะถูกนำออกไปในการนัดตรวจหลังการผ่าตัดครั้งต่อไป
8. ตำแหน่งในการวางซิลิโคน
- ตำแหน่งแนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้ฐานขอบใต้ราวนม ข้อดีของการวางซิลิโคนในตำแหน่งนี้ จะเกิดการช้ำน้อย และไม่มีโอกาสเกิดปัญหาหัวนมชา หรือท่อน้ำนมอุดตันบาดเจ็บ
- ตำแหน่งแนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกที่รักแร้ ข้อดีคือไม่มีรอยแผลบนเต้านม แต่การผ่าตัดค่อนข้างเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะจะมองไม่เห็นจุดเลือดออกขณะผ่าตัด มีโอกาสเกิดผังผืดมากกว่า
- ตำแหน่งแนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกรอบปานนม รอยแผลครึ่งวงกลมตามแนวปานนม ข้อด้อยของการวางซิลิโคนในจุดนี้ มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเส้นประสาทและท่อน้ำนมมากกว่าวิธีอื่น ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ของแพทย์
- ตำแหน่งแนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกบริเวณสะดือ เป็นวิธีที่แผลเล็กที่สุดและไม่มีแผลบนเนื้อเต้านม แต่เป็นตำแหน่งที่มีความซับซ้อนมากกว่าวิธีอื่นๆและจำเป็นต้องใช้เครื่องมือผ่านกล้อง ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง
9. วิธีเตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก
- ควรอาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย เช่นเสื้อที่มีกระดุมหน้า เพื่อให้ใส่และถอดง่ายปลอดภัยต่อแผลผ่าตัด
- งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น วิตามินเอ อี ซี น้ำมันปลา ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอกอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
10. วิธีดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมหน้าอก
- หลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกบางราย อาจจะมีอาการอาเจียนคลื่นไส้เป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นผลข้างเคียงจากการวางยาสลบ
- กรณีหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก หากไม่มีอาการแพ้หรืออาเจียนแต่อย่างใด สามารถรับประทานอาหารอ่อนๆได้
- ในระยะเวลา 2-3 วันหลังการผ่าตัด หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหรือขยับตัวมากๆ
- หลังการผ่าตัดในช่วง 2-3 วันแรก ควรทำความสะอาดร่างกายด้วยการเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลถูกน้ำ
- ช่วง 7 วันหลังผ่าตัด แผลเริ่มแห้งสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ
- หลังการผ่าตัด 3 สัปดาห์ สามารถออกกำลังกายเบา ๆเช่น การวิ่งจ๊อกกิ้งได้ แต่ให้งดเว้นการออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าอก
- ในช่วง 1 เดือนแรก ควรหลีกเหลี่ยงในการยกของหนัก
- หลีกเลี่ยงการสวมใส่ยกทรงที่มีโครงเหล็ก แต่สามารถใส่ sport bar ได้
- ควรนวดหน้าอก ตามที่แพทย์แนะนำเสมอ
- ควรมาพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เพราะจะสามารถแก้ไข้ปัญหาได้ทันเวลา
ผ่าตัดเสริมหน้าอก มีขั้นตอนอย่างไร
การผ่าตัดเสริมหน้าอก เป็นศัลยกรรมความงามอย่างหนึ่ง และยังเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำได้ไม่ยาก เพราะมีคลินิกศัลยกรรมให้บริการอยู่มากมาย เพียงศึกษาขั้นตอนการผ่าตัดเสริมหน้าอกอย่างเข้าใจ เพื่อเป็นการเตรียมตัวที่ดี โดยทั่วไปการผ่าตัดเสริมหน้าอก มีขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นตอนก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก
ศัลยแพทย์อาจพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้รับบริการ เพื่อเลือกรูปแบบหรือวิธีในการเสริมหน้าอก เช่น การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม หรือการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
2. ขั้นตอนการเตรียมตัวผ่าตัดเสริมหน้าอก
- ตรวจร่างกายเพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และโรคติดต่อ เพื่อวินิจฉัยและเตรียมความพร้อมในการทำศัลยกรรมและลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
- ตรวจเลือด เพื่อตรวจเช็กความผิดปกติของเม็ดเลือด ตรวจเช็กระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายว่าบกพร่องหรือไม่
- เอกซเรย์ปอด เป็นการตรวจที่ใช้รังสีวิทยาฉายในการบันทึกภาพ เพื่อตรวจวินิจฉัยความสมบูรณ์ หรือความผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตามเกณฑ์ เป็นการตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจที่ปล่อยออกมาในแต่ละจังหวะของการเต้น หรือจังหวะของการบีบและคลายตัว เพื่อตรวจหาความผิดปกติ
- หยุดยาที่รับประทานบางชนิดก่อนการผ่าตัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมาผ่าตัด
3. ขั้นตอนการผ่าตัด
- ในวันผ่าตัดศัลยแพทย์ จะทำการวาดรอยปะบริเวณที่ต้องผ่าตัด
- กรณีการผ่าตัดเสริมซิลิโคน ศัลยแพทย์จะให้ดมยาสลบก่อนผ่าตัด หากเป็นการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันอาจใช้เพียงแค่ยาชาเฉพาะที่เท่านั้น
- ทำการผ่าตัดตาม หากเป็นการผ่าตัดใต้ราวนม จะใช้เวลาน้อยกว่าการผ่าตัดที่ปานนมหรือรักแร้
- เมื่อการเสริมหน้าอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์จะเย็บปิดปากแผล โดยเฉลี่ยใช้เวลาในการผ่าตัดเสริมหน้าอกประมาณ 1-2 ชั่วโมง
สรุป
การผ่าตัดเสริมหน้าอกเป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดของเต้านมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากเป็นการศัลยกรรมเพื่อความสวยงาม ยังเป็นการแก้ปัญหาให้กับคนหน้าอกเล็ก มีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับสรีระของผู้หญิง และยังรวมไปถึงแก้ไขความผิดปกติที่เกิดจากการรักษามะเร็งเต้านม ทำให้มีหน้าอกมาทดแทน เสริมสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง โดยการผ่าตัดเสริมหน้าอกที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้รูปทรงหน้าอกที่เหมาะกับสรีระยังขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ซึ่งมีทั้งการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์และการเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเสริมหน้าอก
A : การผ่าตัดเสริมหน้าอก ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่อย่างหนึ่ง หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก จึงต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้น ประมาณ 5-7 วัน และแผลจะเริ่มเข้าที่ภายใน 3-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังผ่าตัด
A : การผ่าตัดเสริมหน้าอก ระยะเวลาเข้าที่หมายถึง รูปทรงหน้าอกอยู่ตัวสามารถสวมใส่บราในแบบต่าง ๆได้ รวมทั้งสามารถทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 1 – 3 เดือน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคในการผ่าตัด กรณีเสริมหน้าอกไซส์ใหญ่มาก ๆ อาจต้องใช้เวลาฟื้นนานว่าปกติ
A : การผ่าตัดเสริมหน้าอก สำหรับการลางานโดยทั่วไปหลังเสริมหน้าอก สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที เช่น ทานอาหาร ลุกเดิน หรือเข้าห้องน้ำ ส่วนการทำงานประจำที่เป็นงานเบา ๆ เช่น การทำงานเกี่ยวกับเอกสาร หรือทำงาน office หลังผ่าตัด 3-4 วันสามารถทำงานได้ ส่วนงานที่ต้องใช้แรงแขน เช่น ช่างเสริมสวย แม่ครัว แอร์ นวดสปา ใช้เวลา 2 -3 สัปดาห์สามารถทำงานได้ตามปกติ
A : การเสริมหน้าอกสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ เนื่องจากส่วนที่ใช้สร้างน้ำนมไม่ได้รับผลกระทบ กระบวนการผลิตน้ำนมยังสามารถสร้างน้ำนมได้เป็นปกติ
A : ขึ้นกับเนื้อเต้านมธรรมชาติของผู้รับบริการ หากมีเนื้อจริงมากโอกาสเปลี่ยนแปลง คล้อยตัวได้มากกว่าคนมีเนื้อจริงน้อย ทรงหน้าอกอาจมีการเปลี่ยนเล็กน้อย หลังจากพ้นช่วงให้นมบุตรไปแล้ว แต่โดยรวมไม่เป็นปัญหา
A : กรณีมีปัญหาเนื้อหน้าอกน้อยมาก ๆ หากต้องการเสริมหน้าอกสามารถทำได้ แต่มีข้อจำกัดในการเลือกขนาดซิลิโคน โดยจะต้องเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม ไม่ใหญ่จนเกินไป
A : การเสริมหน้าอก ควรมีอายุ 20 ปี ขึ้นไป อย่างไรก็ตามช่วงอายุที่เหมาะสมในด้านร่างกาย กฎหมาย และทุนทรัพย์ ซึ่งควรเป็นช่วงวัยที่มีรายได้หรือหาเงินศัลยกรรมหน้าอกได้ด้วยตนเอง คือ ประมาณ 25 ปีขึ้นไป
A : การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ไม่สามารถคงอยู่ได้ถาวร โดยทั่วไปอายุการใช้งานประมาณ 10 – 20 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของซิลิโคนที่ใช้
อย่างไร
A : การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนคือการใช้เต้านมเทียมเสริมเข้าไป เพื่อให้ได้ไซส์หน้าอกตามขนาดที่ต้องการ ส่วนการฉีดไขมันหน้าอก เป็นการเสริมหน้าอกด้วยไขมันของตนเอง ทำให้ได้หน้าอกสวยเป็นธรรมชาติเหมือนหน้าอกจริง แต่ไม่สามารถเพิ่มขนาดให้ใหญ่มาก ๆได้ในครั้งเดียว
A : เริ่มต้นตั้งแต่ 100 ซีซี ไปจนถึง 800-1000 ซีซี ตามแต่ความเหมาะสม
ขนาดที่เหมาะกับรูปร่างสาวไทยได้แก่ ขนาด 200 – 500 ซีซี การเลือกใช้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการประเมินและแนะนำโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง